นักการตลาดต้องรู้ทัน 4 กลยุทธ์จาก Instagram Reels คู่แข่งใหม่ของ TikTok

In Summary

  • Instagram ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Reels (Instagram Reels) ที่ผู้ใช้สามารถอัปโหลดวิดีโอสั้นๆ ในรูปแบบของ TikTok เรียกได้ว่าเปิดมาเพื่อฆ่า TikTok โดยเฉพาะ
  • การเปิดตัวครั้งนี้แสดงให้เห็น 4 กลยุทธ์สำคัญที่นักการตลาดต้องรู้ทัน
  • Instagram ยอมจ่ายอย่างงามเพื่อดึงอินฟลูเอนเซอร์จาก TikTok Reels เปิดโอกาสให้แบรนด์ใหญ่ๆ สร้างคอนเทนต์ได้ง่ายขึ้น Reels คงคอนเซ็ปต์แบบ TikTok ยอดฟอลโลวไม่สำคัญ ไวรัลได้แม้ผู้ติดตามน้อย และจังหวะการเลือกเปิดตัว Reels นั้นเหมาะที่สุด
เมื่อไม่นานมานี้ หลายคนคงได้เห็นฟีเจอร์ใหม่ของ Instagram ที่มีชื่อว่า Reels (Instagram Reels) เรียกได้ว่าออกมาเพื่อฆ่า TikTok ชัดๆ เนื่องจากเป็นฟีเจอร์ที่เปิดโอกาสให้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ และครีเอเตอร์ได้สร้างคลิปวิดีโอสั้นๆ ใส่เพลง และตกแต่งเอ็ฟเฟ็กต์ได้เหมือน TikTok เปี๊ยบ

หลังจากลองใช้ฟีเจอร์ Reels แล้ว นักวิจารณ์ต่างออกมาวิจารณ์ถึงความเหมือนกันอย่างสุดขั้วของ Reels กับ TikTok ซึ่งไม่ใช่แค่ความบังเอิญ แต่เป็นความเหมือนอย่างจงใจ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหน้าตาของฟังก์ชัน ที่วางปุ่มกดเล่น หรือจำนวนยอดวิวไว้ที่เดียวกันเปี๊ยบ ที่ต่างกันก็มีแค่ TikTok อัดวิดีโอได้ถึง 60 วินาที แต่ Reels อัดได้แค่ 15 วินาที แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะ 15 วินาทีก็เพียงพอแล้ว

การเปิดตัว Reels ครั้งนี้ เป็นกลยุทธ์การตลาดที่คิดมาอย่างดีของ Instagram เพื่อหวังโค่น TikTok ที่เรียกกระแสไปได้เต็มๆ ในช่วงล็อคดาวน์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกรณีศึกษาที่น่าเรียนรู้เป็นอย่างมาก มาดูกันว่า 4 บทเรียนด้านกลยุทธ์ที่นักการตลาดต้องรู้จากการเปิดตัว Reels มีอะไรบ้าง
1. Instagram ยอมจ่ายอย่างงามเพื่อดึงอินฟลูเอนเซอร์จาก TikTok
ช่วงปีที่ผ่านมา เราคงเห็นกันแล้วว่ามีอินฟลูเอนเซอร์มากมายสามารถสร้างไวรัล และทำเงินจากการโฆษณาได้อย่างมากผ่าน TikTok ดังนั้น หลังจากเปิดตัว Reels แล้ว Instagram ก็ไม่รอช้า หากลยุทธ์ดึงตัวมาทันที

The Wall Street Journal รายงานว่า Instagram ได้เสนอเงินจำนวนหนึ่ง (หลักร้อยถึงพันดอลลาร์สหรัฐฯ) ให้เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่เคยอยู่ใน TikTok เพื่อให้พวกเขามาโพสต์วิดีโอทาง Reels แทน ยิ่งถ้าโพสต์คอนเทนต์แบบเอ็กซ์คลูซีฟใน Reels ที่เดียวก็จะยิ่งได้เงินหนา ซึ่ง Reels ยังสนับสนุนเงินค่าถ่ายทำคอนเทนต์เหล่านั้นให้อีกด้วย

ซึ่งอินฟลูเอนเซอร์เหล่านั้นก็มีแต่ตัวบิ๊กๆ ทั้งนั้น อย่างเซเลนา โกเมซ (Selena Gomez) ที่ทำยอดวิวจากวิดีโอแรกใน Reels ได้กว่า 9 ล้านวิว หลังโพสต์เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น หรือไมลีย์ ไซรัส (Miley Cyrus) ที่ถึงกับปล่อยทีเซอร์เพลงใหม่ Midnight Sky ผ่าน Reels ที่เดียว

ถึงแม้เราจะรู้กันอยู่ว่าการใช้อินฟลูเอนเซอร์นั้น ประสบความสำเร็จได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ถ้าผู้ชมไม่ยอมดูต่อซะอย่างก็ไม่รอด แต่อย่างไรก็ตามการใช้อินฟลูเอนเซอร์และดารานักร้องตัวบิ๊กแบบนี้ก็ช่วยสร้างการเปิดตัวที่เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลกให้กับ Reels ได้ และยังเป็นการเชิญชวนให้คนหันมาสนใจ Reels ได้ในชั่วข้ามคืน


2. Instagram Reels เปิดโอกาสให้แบรนด์ใหญ่ๆ สร้างคอนเทนต์ได้ง่ายขึ้น
แบรนด์ใหญ่ๆ หลากหลายแบรนด์ต่างก็ลงมาร่วมเล่นใน Reels เช่น Louis  Vuitton ซึ่งได้สร้างวิดีโอโปรโมทคอลเลกชันใหม่ทาง Reels และได้ยอดวิวไปกว่า 5 ล้านวิว Sephora ของฝรั่งเศสก็เป็นอีกแบรนด์ที่โพสต์คอนเทนต์ใน Reels ซึ่งสร้างสรรค์คอนเทนต์สุดล้ำมากมาย ทำให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่ขี้เล่นขึ้น

แบรนด์ทั้งหลายแทบไม่ต้องเสียต้นทุนอะไรเลยในการลงมาเล่น Reels แถมยังเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้หลายแบรนด์ต่างไม่ลังเลที่จะลงมาเล่น แม้รูปแบบวิดีโอของ Reels กับ TikTok จะเหมือนกันเปี๊ยบ แต่หนึ่งในสิ่งที่ Reels ได้เปรียบกว่าและดึงดูดแบรนด์ได้มากกว่าคือกลุ่มผู้เล่น Instagram นั้นต่างจากกลุ่มผู้เล่น TikTok กล่าวคือ มีกลุ่มที่เป็นลูกค้าของแบรนด์เหล่านี้มากกว่า นอกจากนี้ Reels ยังเปิดพื้นที่ให้แบรนด์ที่ไม่เคยใช้ TikTok เลย ได้สร้่างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจได้ผ่าน Instagram เลยซึ่งมักจะเป็นแพลตฟอร์มที่แบรนด์มีผู้ติดตามแน่นหนาอยู่แล้ว
3. Reels คงคอนเซ็ปต์แบบ TikTok ยอดฟอลโลวไม่สำคัญ ไวรัลได้แม้ผู้ติดตามน้อย
หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของ TikTok ที่ส่งผลให้ TikTok บูมขึ้นมาในช่วงก่อน ก็เพราะอัลกอริธึมของ TikTok นั้น ไม่ได้เลือกแสดงคลิปวิดีโอของคนที่มีจำนวนผู้ติดตามมากเท่านั้น แต่จะเลือกแสดงคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้ชมคนนั้นสนใจในแท็บ For You ไม่ว่าคอนเทนต์นั้นจะเป็นของผู้ใช้ที่มีผู้ติดตามมากหรือน้อยก็ตาม และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เกิดครีเอเตอร์หน้าใหม่ๆ ที่สร้างไวรัลได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

ในขณะที่ก่อนหน้านี้หน้า Explore ของ Instagram อาจเน้นแสดงคอนเทนต์ที่มียอดไลค์เยอะ และมาจากแอคเคาท์ที่มีผู้ติดตามมากก็ตาม แต่ในการสร้าง Reels นั้น Instagram ถือว่าฉลาดมากในการยกเอารูปแบบอัลกอริธึมแบบเดียวกับ TikTok มาใช้ วิดีโอส่วนหนึ่งที่แสดงให้เราเห็นจะเป็นวิดีโอที่เลือกจากสิ่งที่เราสนใจ และอีกส่วนจะหมุนเวียนคอนเทนต์ใหม่ๆ ที่เลือกโดยทีม Instagram

“เราหวังว่าการเลือกแสดงคอนเทนต์แบบเน้นสนับสนุนครีเอเตอร์นั้นจะทำให้ครีเอเตอร์หน้าใหม่ถูกพบเห็นและมีจำนวนผู้ติดตามมากขึ้น” วิชัล ชาห์ (Vishal Shah) Product Cheif ของ Instagram เปิดเผยกับ The Wall Street Journal “เราหวังว่า Reels จะเป็นพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่เชื่อว่าตัวเองจะมีพื้นที่และมีคนพบเห็นได้ในที่สุด” ร็อบบี้ สไตน์ (Robby Stein) Product Director ของ Instagram ให้สัมภาษณ์กับ Forbes


4. จังหวะการเลือกเปิดตัว Reels นั้นเหมาะที่สุด
ถึงแม้ว่า Facebook บริษัทแม่ของ Instagram  จะยืนยันว่าจังหวะการเปิดตัว Reels ที่ดันตรงกับช่วงที่ TikTok กำลังระส่ำระส่ายกับการถูกแบนในสหรัฐอเมริกานั้นเป็นเรื่องบันเอิญ แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดไม่น้อย

เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีนและอเมริกาที่ย่ำแย่ลง ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาสั่งแบน TikTok ในสหรัฐฯ ถึงแม้0ะมีข่าวลือหนาหูเรื่องการเข้ามาซื้อกิจการ TikTok ฝั่งอเมริกาของ Microsoft และบริษัทอื่นๆ อีกมากมาย และแม้ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน โจ ไบเดน (Joe Biden) จะเลื่อนการแบน TikTok ออกไปก่อน แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอน ครีเอเตอร์หลายคนใน TikTok ก็กังวลใจกับสถานการณ์นี้ และ Reels ก็มาได้ทันเวลาพอดี ทำให้ครีเอเตอร์ย่อมเลือกจะหันไปหา Reels แทน และบางคนก็ได้ไปสร้างพื้นที่ใน Reels ไว้แล้วอีกด้วย

ข่าวการแบน TikTok ที่ผ่านมาสร้างประโยชน์และโอกาสที่ดีมากให้กับ Reels ซึ่งนี่ก็ถึงคราวของ TikTok ที่ต้องงัดไม้เด็ดอะไรสักอย่างออกมาสู้กับ Instagram Reels เพื่อดึงกลุ่มผู้ใช้งานและครีเอเตอร์กลับไป ไม่งั้นอนาคตของ TikTok ก็อาจจะไม่ได้สวยงามเหมือนที่วาดไว้แล้ว

Source

Econsultancy
Created with