วิธีคิด 5 ประการ ที่คุณจำเป็นต้องใช้เพื่อเริ่มต้นทำ Disruptive Business

ถ้าคุณต้องการที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจสตาร์ทอัพพันล้านรายต่อไปอย่างจริงจังแล้วละก็ คุณจำเป็นต้องก้าวผ่านเหนือวิธีการแก้ปัญหาเดิมๆที่ใช้อยู่เพราะอย่าลืมว่า ผู้ลงทุนเองก็อยากเห็นวิธีใหม่ๆ ที่ก้าวหน้ามากขึ้น

โชคดีที่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีปฏิวัติวงการอยู่แล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น IoT (Internet of Thing) หรือ VR (เทคโนโลยีการจำลองภาพเสมือนจริง) ไปจนถึงหุ่นยนต์ประสิทธิภาพสูงต่างๆ รวมทั้ง AI ที่กำลังมาแรง แต่เชื่อเถอะว่า สุดท้ายแล้ว เทคโนโลยีเหล่านี้ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง คนเราต่างหากที่ต้องนำมาบูรณาการกับนวัตกรรมที่มีเสียก่อนเพื่อแก้ปัญหาที่แท้จริงให้กับลูกค้าได้

การบูรณาการนั้นเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ สำหรับคุณในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการควรให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะการสร้างวิธีการแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยาก เพียงแต่ต้องการวิธีคิดที่ทำให้สามารถมองสิ่งต่างๆได้ไกลออกไป และผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จหลายคนต่างก็มีวิธีคิดที่สำคัญบางประการ ดังต่อไปนี้
1. ให้คิดว่าลูกค้าคือจุดศุนย์กลาง มากว่าที่จะคิดว่า เทคโนโลยีคือจุดศูนย์กลาง
ให้คุณกำหนดความต้องการของลูกค้าเป็นอันดับแรกและตอบสนองความต้องการนั้นด้วยเทคโนโลยีที่คุณรู้จักก่อน มากกว่าที่จะเอาแต่ผลักดันหรือแก้ข้อจำกัดทางเทคโนโลยี เพราะเป้าหมายของคุณคือสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและลูกค้าก็คือคนที่ทำให้เป้าหมายของคุณเป็นไปได้จริง

ยกตัวอย่างเช่น Zappos ซึ่งเป็นผู้นำในการปฏิวัติการขายรองเท้าและเสื้อผ้าออนไลน์ ไม่เพียงแต่ปฏิวัติเทคโนโลยีด้านรองเท้าเท่านั้น แต่พวกเขายังรับรู้ถึงความต้องการของลูกค้าในด้านบริการ ซึ่งรวมไปถึงการให้บริการพูดคุยทางโทรศัพท์ที่นานขึ้น และการคืนสินค้าโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแบบไร้ข้อจำกัด

2. มองให้ลึกกว่าเดิมเพื่อเติมเต็มความคิดของคุณให้สมบูรณ์ขึ้นก่อนที่จะก้าวต่อไป
บางทีความคิดแบบเหนือชั้นอาจไม่ใช่วิธีที่ดีในการแก้ปัญหาทางธุรกิจเสมอไป ยิ่งคุณปรับเปลี่ยนมุมมองแนวคิดเพื่อหาความเชื่อมโยงมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งพบกับวิธีการบางอย่างที่เป็นตัวคุณอย่างแท้จริงซึ่งสามารถทำให้ลูกค้าและนักลงทุนจดจำถึงการแก้ปัญหาในแบบฉบับของคุณได้

ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะสร้างแคมเปญการระดมทุนบนแพลตฟอร์มการระดมทุนสาธารณะ(crowdfunding platform) ที่มีชื่อเสียงอย่าง Kickstarter จากการดำเนินงานและข้อเสนอแนะคุณจะได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาของคุณว่าส่งผลกับลูกค้าอย่างไร ก่อนที่คุณจะดำเนินงานจริง

3. หาข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญในด้านอื่นๆเพื่อพัฒนาแนวคิด
ผู้ประกอบการที่มีความทะเยอทะยานหลายคนต่างหวาดระแวงเกินไปที่จะแบ่งปันความคิดเพื่อเรียนรู้ว่าอะไรที่พวกเขาต้องทำ เพื่อให้แนวคิดของเขากลายเป็นวิธีที่สามารถปฏิวัติการแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้ แต่น่าเสียดายที่มันเป็นสิ่งที่ผิดพลาด เพราะจริงๆ แล้วคุณต้องขวนขวายหาข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆเพื่อขยายกรอบความคิดของคุณ พิจารณาถึงสิ่งที่คุณสามารถเรียนรู้จากอุตสาหกรรมอื่นๆที่อาจปรับให้เข้ากับคุณได้ จงเป็นคนอยากรู้อยากเห็นและมองโลกในแง่ดีตลอดเวลา

ยกตัวอย่างเช่น Elon Musk ที่ยอมรับว่าการอ่านหนังสือกว่า 2 เล่มต่อหนึ่งวัน ในหลากหลายสาขาวิชา เช่น ฟิสิกส์ วิศวกรรม การออกแบบผลิตภัณฑ์ ธุรกิจ เทคโนโลยี และ พลังงาน ทำให้เขาเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง และมองเห็นถึงวิธีการแก้ปัญหาและโอกาสใหม่ๆได้

4. สร้างตัวต้นแบบและทำการทดลองกับลูกค้าจริง
ฉันมักจะได้ยินผู้ประกอบการกล่าวว่าพวกเขามีความคิดในหัวมานานหลายปีหรือเป็นสิบๆปีแล้ว ซึ่งในบางจุดคุณต้องลงมือทำเลย อย่าง Thomas Edison ยอมรับว่าเขาเรียนรู้จากรูปแบบจำลองและตัวต้นแบบที่เขาสร้างขึ้นมากกว่าจากสัญชาตญาณและทฤษฎีเสียอีก เขามีชื่อเสียงในการสร้างตัวต้นแบบ ยึดมั่นในความคิดเชิงบวก และไม่เคยยอมแพ้กับความคิดที่จะสร้างหลอดไฟฟ้าออกมาให้ได้ วลีที่มีชื่อเสียงของเขาคือ “ผมไม่ได้ล้มเหลว ผมก็แค่ค้นพบ 10,000 วิธีที่ไม่ได้ผล” เขาไม่เคยพูดถึงวิธีการจนกว่าที่เขาจะมีรูปแบบการทำงานเสียก่อน


5. ผู้ที่สนับสนุนและพันธมิตรที่ช่วยเติมเต็มด้านทักษะ
ทั้งที่ปรึกษาและผู้ให้การสนับสนุนจะทำให้คุณมีสมาธิกับสิ่งที่ทำอยู่และช่วยให้มองในแง่บวก และพวกเขาสามารถช่วยให้คุณพัฒนาความสามารถเพื่อเจรจากับผู้ลงทุนและลูกค้า ด้วยความซื่อตรง ความน่าเชื่อถือและน่าไว้วางใจได้ การรวมทีมในธุรกิจที่แต่ละทีมประกอบด้วยทักษะที่คุณต้องการในด้านต่างๆ เช่น การพัฒนา การดำเนินการ และการตลาด

ผู้ก่อตั้งร่วมของ Google อย่าง Larry Page และ Sergey Brin แม้ว้าเขาทั้งคู่จะร่วมด้วยช่วยกัน และมีใบปริญญาจากมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ดเป็นสิ่งการันตีในความสามารถ แต่พวกเขาก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากเหล่าดาวเด่นทางธุรกิจอื่นๆเช่น Eric Schmidt, Andy Bechtolsheim, และมหาเศรษฐีอย่าง Ram Shriram

ถ้าคุณเป็นผู้ประกอบการอิสระที่เพิ่งก่อตั้งธุรกิจ เราเชื่อว่าเป็นการดีที่คุณจะเริ่มจากความคิดในการใช้นวัตกรรมแบบค่อยเป็นค่อยไปก่อน เพื่อให้ธุรกิจของคุณยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง และเข้าใจว่าการระดมทุนและการสร้างธุรกิจนั้นทำงานร่วมกันอย่างไร

แต่หลังจากนั้น ขอให้คุณแน่ใจว่า ความสุขที่แท้จริง ความพึงพอใจ และเปี่ยมล้นไปด้วยศักยภาพนั้นมาพร้อมกับความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนโลกได้ด้วยธุรกิจที่เป็น Disruptive Business นั่นเอง

ที่มา :

https://www.inc.com/martin-zwilling/5-startup-mindset-changes-youll-need-to-start-a-disruptive-business.html?icid=hmsub4
Created with