{{ 'component_1597072629098_21' | dynamic }}
มีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่า ให้เราพยายามเรียนรู้สิ่งที่เรากลัว เพื่อที่เราจะได้เข้าใจสิ่งนั้นและไม่ปล่อยให้มันมีผลกับชีวิตเราต่อไป ที่เริ่มต้นแบบนี้ เพราะเราเชื่อว่าหลายคนน่าจะมีความรู้สึกคล้ายๆ กันคือ เมื่อพูดถึงบล็อกเชน (เทคโนโลยีการส่งต่อข้อมูล ที่มีความน่าเชื่อถือสูงมาก โดยไม่จำเป็นต้องผ่านคนกลาง) เราก็มักจะหูดับกระทันหัน หรือมีความคิดไปล่วงหน้าว่าช่างเป็นเทคโนโลยีที่เข้าใจยากอะไรอย่างนี้
แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะหลีกหนียังไง เรื่องของบล็อกเชนก็ขยับเข้าใกล้เราเข้ามาทุกที เพราะนี่คือเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงหรือ disrupt ในแทบจะทุกๆ วงการแล้ว เหมือนที่ใครๆ ก็เรียกบล็อกเชนว่า เป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก และโชคดีที่วันนี้ หลายคน (และเราว่าคุณก็กำลังเป็นหนึ่งในนั้น) ก็กำลังอยากเรียนรู้เรื่องบล็อคเชนให้มากขึ้นกว่าเดิม ว่าแล้วเพื่อให้บล็อกเชนเป็นเรื่องสนุกและเข้าใจง่าย เราเลยนึกใครไปไม่ได้นอกจากคุณ แบงค์ สถาพน พัฒนะคูหา CEO and Founder of SmartContract (Thailand) Co, Ltd.,และ BLOCK M.D SmartContract Blockchain Studio ที่คนในวงการยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน ระดับต้นๆ ของเมืองไทย
แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะหลีกหนียังไง เรื่องของบล็อกเชนก็ขยับเข้าใกล้เราเข้ามาทุกที เพราะนี่คือเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงหรือ disrupt ในแทบจะทุกๆ วงการแล้ว เหมือนที่ใครๆ ก็เรียกบล็อกเชนว่า เป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก และโชคดีที่วันนี้ หลายคน (และเราว่าคุณก็กำลังเป็นหนึ่งในนั้น) ก็กำลังอยากเรียนรู้เรื่องบล็อคเชนให้มากขึ้นกว่าเดิม ว่าแล้วเพื่อให้บล็อกเชนเป็นเรื่องสนุกและเข้าใจง่าย เราเลยนึกใครไปไม่ได้นอกจากคุณ แบงค์ สถาพน พัฒนะคูหา CEO and Founder of SmartContract (Thailand) Co, Ltd.,และ BLOCK M.D SmartContract Blockchain Studio ที่คนในวงการยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน ระดับต้นๆ ของเมืองไทย
1.เท่าที่สังเกต หลายวงการก็เริ่มพูดถึงบล็อกเชนมากขึ้น ถามง่ายๆ เลยว่าเทคโนโลยีนี้ เข้าได้กับทุกอุตสาหกรรมเลยมั้ย
ใช่ครับ เอาจริงๆ ต้องบอกก่อนว่า คนเข้าใจเรื่องบล็อกเชนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่เวลาผมไปพบผู้บริหารคนไหน ผมต้องเผื่อเวลาไว้ชั่วโมงนึงเลยเพื่ออธิบายว่า บล็อคเชนคืออะไร แต่วันนี้ทุกคนเริ่มเข้าใจละ ไม่ถามละ แต่จะถามว่า แล้วจะเอามาใช้กับธุรกิจเขาหรืออุตสาหกรรมของเขาได้ยังไง จะนำข้อมูลที่มีอยู่มาใช้ได้ยังไงให้ปลอดภัย ซึ่งการที่คำถามมันเปลี่ยน ผมถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ
ทีนี้ย้อนกลับไปตอบคำถามนี้ ต้องบอกว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนคือโครงสร้าง หรือ Infrastructure ครับ พูดกว้างๆ มันก็เหมือนเวลาเราใช้อินเตอร์เน็ตนั่นแหละ ที่ทุกวันนี้ วงการไหนๆ ก็ต้องเกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ต เพราะมันคือ Infrastructure หนึ่งหน่วย ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เพียงแต่กับอินเตอร์เน็ต
เราเรียกมันว่า Internet information คือใช้ส่งต่อข้อมูลได้ แต่ส่งมูลค่าหรือ value กันไม่ได้ เช่น ผมมีรูป 1 รูป แล้วส่งให้คนอื่นด้วย มันก็แค่การคัดลอกข้อมูลที่มีเหมือนกัน ดังนั้นใครจะมีรูปผมกันกี่รูปก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะมันไม่ได้เป็นของที่มีมูลค่า แต่ถ้าเกิดเป็นของที่มีมูลค่า หรือเป็นเหรียญอะไรสักอย่างที่ใช้แทนเงิน อย่างนี้มีหลายอันไม่ได้ ถูกมั้ยครับ เพราะถ้าก๊อปปี้ได้ เหรียญนี้หรือเงินนี้มันจะมีค่าลดลง เพราะใครๆ ก็มีเหมือนกันหมด
พูดง่ายๆ ว่าอินเตอร์เน็ต มันเก่งเรื่องส่งข้อมูล แต่บล็อกเชน มันจะสร้างสิ่งที่เรียกว่า Internet of Value ขึ้นมา ดังนั้นทุกๆวงการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการส่งต่อมูลค่าต่างๆ จึงอาจจะมองว่าตัวเองได้รับผลกระทบหรือได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนนี้ก็ได้ ก็แล้วแต่ว่าใครจะมองเรื่องนี้ยังไง
2. คิดว่าวงการอะไรที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จนเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือ Transform ครั้งใหญ่
จริงๆมีหลายวงการมากเลยนะครับที่ตื่นตัวและถูกกระตุ้นด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน แต่ที่โดนผลกระทบมากที่สุดน่าจะเป็นวงการที่เกี่ยวกับการเงินและเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร อีคอมเมิร์ซ การทำโลจิสติกส์ หรือธุรกิจที่ต้อง deliver สิ่งของหรือบริการต่างๆ เรียกว่าไม่ว่าจะอะไรก็ตามที่ต้องใช้การซื้อขายกันด้วยเงิน เพราะการเงินเป็นพื้นฐานของการซื้อขายทุกสิ่ง
เพียงแต่เมื่อเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามา มันจะมาบอกเราว่า มันสามารถทำสิ่งเดียวกับที่ธนาคารหรือสถาบันทางการเงินทำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเทคโนโลยีบล็อกเชนมีการพัฒนาเป็นอย่างมากในด้าน crytography หรือการเข้ารหัส จนมาถึงจุดที่มันสร้างความน่าเชื่อถือหรือ trust ที่สูงมาก ทำให้เราส่งต่อมูลค่าได้โดยไม่ต้องมีตัวกลางหรือสถาบันการเงินใดๆ มารับรอง เช่น ปกติเราส่งเงินผ่านโมบายล์แบงกิ้ง เราก็ต้องมีธนาคารรับรอง แต่บล็อกเชน ทำให้เราไม่จำเป็นต้องมีตัวกลาง
พูดให้เห็นภาพง่ายๆ อีกก็ได้ว่า ถ้าเราจะส่งเงินไปให้ญาติที่ต่างประเทศ เราเชื่อในธนาคารในประเทศเรา แต่ญาติเราเขาไม่เชื่อด้วย ก็ต้องมีคนกลางมารับรองว่า ธุรกรรมนี้ถูกต้องและปลอดภัยนะ เชื่อถือได้นะ ดังนั้นเมื่อบล็อกเชนไม่มีตัวกลาง มันจึงต้องสร้างความน่าเชื่อถือขึ้นมาแทนตัวกลางนั้นๆ แม้ว่าเรากับอีกฝ่ายจะรู้จักหรือไม่เคยรู้จักกันเลย
3. ถ้ามีจะมีคำที่เป็นนิยามของ บล็อกเชน มันจะคือคำว่าอะไรได้บ้าง เช่น ปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ อะไรแบบนี้หรือเปล่า
ใช่ครับ ต้องมีความน่าเชื่อถือก่อน ซึ่งคุณสมบัติหลักข้อหนึ่งของบล็อกเชน ก็คือสิ่งที่เรียกว่า Immutibility หรือการที่ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้ เพราะเมื่อมีการแก้ไขข้อมูลได้ยาก ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะมีการปลอมแปลง แต่ว่าอันนี้เป็นข้อควรระวังเหมือนกันนะครับว่า เวลาพูดว่า แก้ไขข้อมูลไม่ได้ มันจะตามมาด้วยคำถามที่ว่าแล้วถ้าเขียนข้อมูลผิดจะทำยังไงหรืออยากแก้ข้อมูลต้องทำยังไง ซึ่งจริงๆแล้ว เมื่อมันแก้ไขไม่ได้ เราจึงต้องเน้นการดีไซน์ข้อมูลให้ถูกต้องจริงๆ อันนี้ผมเน้นมากเลยครับ ถ้าเราดีไซน์หรือเอาไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง เราจะไม่ได้คุณสมบัติพวกนี้เลยและมันก็จะกลายเป็นเน็ตเวิร์กที่ไม่ปลอดภัย ไม่ได้มีคุณสมบัติอย่างที่เราอยากได้ แต่ถ้าเราทำระบบดีและถูกต้อง เราจะได้ระบบที่มีคุณสมบัติที่แก้ไขได้ยากมาก ข้อสองมีความน่าเชื่อถือ และมีความเป็นส่วนตัวหรือ ไพรเวซี่ สูงมาก
ขณะเดียวกันก็มีระบบในการตรวจสอบที่โปร่งใสด้วย ข้อสามคือ มี availability สูงมาก ทำให้ระบบล่มได้ยาก นี่คือคุณสมบัติหลักๆ ของบล็อกเชนครับ ซึ่งถามว่า ได้มาได้ยังไง มันก็มาจากวิธีที่เราออกแบบระบบ และช่องทางกระจายข้อมูลให้ทุกๆคนในเน็ตเวิร์กเก็บข้อมูลเดียวกัน ถ้ามีใครมาแก้ข้อมูลหนึ่ง คนอื่นๆที่เหลือก็จะรู้หมดทำให้ข้อมูลมีการกระจายหรือที่เรียกว่า decentralized ทำให้ไม่มีใครมั่วหรือโกงกันได้ เพราะเครือข่ายของคนที่มีข้อมูลมันเยอะมาก
ใช่ครับ เอาจริงๆ ต้องบอกก่อนว่า คนเข้าใจเรื่องบล็อกเชนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่เวลาผมไปพบผู้บริหารคนไหน ผมต้องเผื่อเวลาไว้ชั่วโมงนึงเลยเพื่ออธิบายว่า บล็อคเชนคืออะไร แต่วันนี้ทุกคนเริ่มเข้าใจละ ไม่ถามละ แต่จะถามว่า แล้วจะเอามาใช้กับธุรกิจเขาหรืออุตสาหกรรมของเขาได้ยังไง จะนำข้อมูลที่มีอยู่มาใช้ได้ยังไงให้ปลอดภัย ซึ่งการที่คำถามมันเปลี่ยน ผมถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ
ทีนี้ย้อนกลับไปตอบคำถามนี้ ต้องบอกว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนคือโครงสร้าง หรือ Infrastructure ครับ พูดกว้างๆ มันก็เหมือนเวลาเราใช้อินเตอร์เน็ตนั่นแหละ ที่ทุกวันนี้ วงการไหนๆ ก็ต้องเกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ต เพราะมันคือ Infrastructure หนึ่งหน่วย ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เพียงแต่กับอินเตอร์เน็ต
เราเรียกมันว่า Internet information คือใช้ส่งต่อข้อมูลได้ แต่ส่งมูลค่าหรือ value กันไม่ได้ เช่น ผมมีรูป 1 รูป แล้วส่งให้คนอื่นด้วย มันก็แค่การคัดลอกข้อมูลที่มีเหมือนกัน ดังนั้นใครจะมีรูปผมกันกี่รูปก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะมันไม่ได้เป็นของที่มีมูลค่า แต่ถ้าเกิดเป็นของที่มีมูลค่า หรือเป็นเหรียญอะไรสักอย่างที่ใช้แทนเงิน อย่างนี้มีหลายอันไม่ได้ ถูกมั้ยครับ เพราะถ้าก๊อปปี้ได้ เหรียญนี้หรือเงินนี้มันจะมีค่าลดลง เพราะใครๆ ก็มีเหมือนกันหมด
พูดง่ายๆ ว่าอินเตอร์เน็ต มันเก่งเรื่องส่งข้อมูล แต่บล็อกเชน มันจะสร้างสิ่งที่เรียกว่า Internet of Value ขึ้นมา ดังนั้นทุกๆวงการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการส่งต่อมูลค่าต่างๆ จึงอาจจะมองว่าตัวเองได้รับผลกระทบหรือได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชนนี้ก็ได้ ก็แล้วแต่ว่าใครจะมองเรื่องนี้ยังไง
2. คิดว่าวงการอะไรที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จนเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือ Transform ครั้งใหญ่
จริงๆมีหลายวงการมากเลยนะครับที่ตื่นตัวและถูกกระตุ้นด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน แต่ที่โดนผลกระทบมากที่สุดน่าจะเป็นวงการที่เกี่ยวกับการเงินและเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร อีคอมเมิร์ซ การทำโลจิสติกส์ หรือธุรกิจที่ต้อง deliver สิ่งของหรือบริการต่างๆ เรียกว่าไม่ว่าจะอะไรก็ตามที่ต้องใช้การซื้อขายกันด้วยเงิน เพราะการเงินเป็นพื้นฐานของการซื้อขายทุกสิ่ง
เพียงแต่เมื่อเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามา มันจะมาบอกเราว่า มันสามารถทำสิ่งเดียวกับที่ธนาคารหรือสถาบันทางการเงินทำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเทคโนโลยีบล็อกเชนมีการพัฒนาเป็นอย่างมากในด้าน crytography หรือการเข้ารหัส จนมาถึงจุดที่มันสร้างความน่าเชื่อถือหรือ trust ที่สูงมาก ทำให้เราส่งต่อมูลค่าได้โดยไม่ต้องมีตัวกลางหรือสถาบันการเงินใดๆ มารับรอง เช่น ปกติเราส่งเงินผ่านโมบายล์แบงกิ้ง เราก็ต้องมีธนาคารรับรอง แต่บล็อกเชน ทำให้เราไม่จำเป็นต้องมีตัวกลาง
พูดให้เห็นภาพง่ายๆ อีกก็ได้ว่า ถ้าเราจะส่งเงินไปให้ญาติที่ต่างประเทศ เราเชื่อในธนาคารในประเทศเรา แต่ญาติเราเขาไม่เชื่อด้วย ก็ต้องมีคนกลางมารับรองว่า ธุรกรรมนี้ถูกต้องและปลอดภัยนะ เชื่อถือได้นะ ดังนั้นเมื่อบล็อกเชนไม่มีตัวกลาง มันจึงต้องสร้างความน่าเชื่อถือขึ้นมาแทนตัวกลางนั้นๆ แม้ว่าเรากับอีกฝ่ายจะรู้จักหรือไม่เคยรู้จักกันเลย
3. ถ้ามีจะมีคำที่เป็นนิยามของ บล็อกเชน มันจะคือคำว่าอะไรได้บ้าง เช่น ปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ อะไรแบบนี้หรือเปล่า
ใช่ครับ ต้องมีความน่าเชื่อถือก่อน ซึ่งคุณสมบัติหลักข้อหนึ่งของบล็อกเชน ก็คือสิ่งที่เรียกว่า Immutibility หรือการที่ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้ เพราะเมื่อมีการแก้ไขข้อมูลได้ยาก ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะมีการปลอมแปลง แต่ว่าอันนี้เป็นข้อควรระวังเหมือนกันนะครับว่า เวลาพูดว่า แก้ไขข้อมูลไม่ได้ มันจะตามมาด้วยคำถามที่ว่าแล้วถ้าเขียนข้อมูลผิดจะทำยังไงหรืออยากแก้ข้อมูลต้องทำยังไง ซึ่งจริงๆแล้ว เมื่อมันแก้ไขไม่ได้ เราจึงต้องเน้นการดีไซน์ข้อมูลให้ถูกต้องจริงๆ อันนี้ผมเน้นมากเลยครับ ถ้าเราดีไซน์หรือเอาไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง เราจะไม่ได้คุณสมบัติพวกนี้เลยและมันก็จะกลายเป็นเน็ตเวิร์กที่ไม่ปลอดภัย ไม่ได้มีคุณสมบัติอย่างที่เราอยากได้ แต่ถ้าเราทำระบบดีและถูกต้อง เราจะได้ระบบที่มีคุณสมบัติที่แก้ไขได้ยากมาก ข้อสองมีความน่าเชื่อถือ และมีความเป็นส่วนตัวหรือ ไพรเวซี่ สูงมาก
ขณะเดียวกันก็มีระบบในการตรวจสอบที่โปร่งใสด้วย ข้อสามคือ มี availability สูงมาก ทำให้ระบบล่มได้ยาก นี่คือคุณสมบัติหลักๆ ของบล็อกเชนครับ ซึ่งถามว่า ได้มาได้ยังไง มันก็มาจากวิธีที่เราออกแบบระบบ และช่องทางกระจายข้อมูลให้ทุกๆคนในเน็ตเวิร์กเก็บข้อมูลเดียวกัน ถ้ามีใครมาแก้ข้อมูลหนึ่ง คนอื่นๆที่เหลือก็จะรู้หมดทำให้ข้อมูลมีการกระจายหรือที่เรียกว่า decentralized ทำให้ไม่มีใครมั่วหรือโกงกันได้ เพราะเครือข่ายของคนที่มีข้อมูลมันเยอะมาก
4.เนื้อหาของเรื่องบล็อกเชนที่คุณแบงค์ สถาพน จะนำมาสอนที่ Shift Academy จะแตกต่างจากที่อื่นอย่างไร
ผมคิดว่าหลักสูตรนี้ จะเน้นสำหรับผู้บริหาร เน้นสำหรับเจ้าของกิจการ ที่เป็นกลุ่ม non-tech คืออาจจะเข้าใจเทคโนโลยีบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นเชี่ยวชาญแบบโปรแกรมเมอร์ และเขาอยากจะรู้ว่าแล้วจะเอาเทคโนโลยีนี้ไปใช้ยังไงในธุรกิจตัวเอง
เมื่อต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือที่เรียกว่า digital transformation หรือแม้กระทั่ง อยากจะมีกลยุทธ์ในการทำธุรกิจใหม่ๆ แล้วกำลังคิดว่าจะเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใส่ในกลยุทธ์ยังไง เรื่องเหล่านี้คือ gap ที่ผมรวบรวมจากประสบการณ์ที่ทำงานให้กับองค์กรทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กมานาน คือพอเรารู้แล้วว่า บล็อกเชน คืออะไร จากนั้นเราต้องมาคิดกันต่อว่า แล้วสิ่งนี้จะมีผลกระทบกับธุรกิจเรายังไง แล้วเราจะเปลี่ยนแปลงธุรกิจเรายังไงโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชน นี่น่าจะเป็นประเด็นหลักที่ผมจะสอนในคอร์สนี้ครับ ซึ่งผมพยายามจะเข้าใจคนเรียนมากกว่าครับว่าเขาไปไหวแค่ไหนด้วย ต้องคิดว่าทำอย่างไรให้คนเรียนได้ประโยชน์มากที่สุด อยากให้เขาแก้โจทย์ให้ได้ว่าในฐานะเจ้าของธุรกิจ หรือในฐานะผู้บริหารระดับสูงขององค์กร เขาจะเอาเทคโนโลยีนี้มาสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรได้อย่างไร
5.คุณคิดว่าอะไรคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อไปในอุตสาหกรรมที่จะมีบล็อกเชนไปเกี่ยวข้อง
ผมเชื่อว่า จะมีการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้จริงและแพร่หลายมากขึ้น เพราะว่าในปีที่ผ่านมา เราจะเห็นข่าวออกมาเยอะมากเลยว่ามีการทดลองใช้บล็อกเชน ทำเรื่องซัพพลายเชนมากขึ้น หรือมีการทดลองใช้ทำเรื่องปล่อยเงินกู้ แต่ว่าเรายังเห็นน้อยมากในการนำไปใช้ในสเกลของคนทั่วไปจริงๆ เพราะฉะนั้นผมมองว่าอนาคตของบล็อกเชน คือการนำไปใช้จริงซึ่งเป็นเรื่องที่เทคโนโลยีต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยเหมือนกันครับว่า แล้วมันจะสามารถนำไปใช้งานในด้านธุรกิจทั่วไปยังไง ย้ำว่าไม่ใช่ว่ามันทำไม่ได้นะครับ มันทำได้แน่ๆ อยู่แล้ว เพราะเทคโนโลยีมันมีการพัฒนาตัวเองมานานมากแล้ว แต่วิธีใช้ของมันต่างหากที่ต้องคิดว่าจะเอาไปใช้ยังไงให้มันง่ายกับผู้ใช้งานด้วย
อยากรู้ว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนจะเปลี่ยนโลกของคุณยังไง คลิกไปดูคอร์สของคุณแบงค์ สถาพน ได้ที่ Shift Academy [เร็วๆนี้]
ขอขอบคุณ CSO ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการสัมภาษณ์ http://www.csothailand.co.th/
ผมคิดว่าหลักสูตรนี้ จะเน้นสำหรับผู้บริหาร เน้นสำหรับเจ้าของกิจการ ที่เป็นกลุ่ม non-tech คืออาจจะเข้าใจเทคโนโลยีบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นเชี่ยวชาญแบบโปรแกรมเมอร์ และเขาอยากจะรู้ว่าแล้วจะเอาเทคโนโลยีนี้ไปใช้ยังไงในธุรกิจตัวเอง
เมื่อต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือที่เรียกว่า digital transformation หรือแม้กระทั่ง อยากจะมีกลยุทธ์ในการทำธุรกิจใหม่ๆ แล้วกำลังคิดว่าจะเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนไปใส่ในกลยุทธ์ยังไง เรื่องเหล่านี้คือ gap ที่ผมรวบรวมจากประสบการณ์ที่ทำงานให้กับองค์กรทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กมานาน คือพอเรารู้แล้วว่า บล็อกเชน คืออะไร จากนั้นเราต้องมาคิดกันต่อว่า แล้วสิ่งนี้จะมีผลกระทบกับธุรกิจเรายังไง แล้วเราจะเปลี่ยนแปลงธุรกิจเรายังไงโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบล็อกเชน นี่น่าจะเป็นประเด็นหลักที่ผมจะสอนในคอร์สนี้ครับ ซึ่งผมพยายามจะเข้าใจคนเรียนมากกว่าครับว่าเขาไปไหวแค่ไหนด้วย ต้องคิดว่าทำอย่างไรให้คนเรียนได้ประโยชน์มากที่สุด อยากให้เขาแก้โจทย์ให้ได้ว่าในฐานะเจ้าของธุรกิจ หรือในฐานะผู้บริหารระดับสูงขององค์กร เขาจะเอาเทคโนโลยีนี้มาสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรได้อย่างไร
5.คุณคิดว่าอะไรคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อไปในอุตสาหกรรมที่จะมีบล็อกเชนไปเกี่ยวข้อง
ผมเชื่อว่า จะมีการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้จริงและแพร่หลายมากขึ้น เพราะว่าในปีที่ผ่านมา เราจะเห็นข่าวออกมาเยอะมากเลยว่ามีการทดลองใช้บล็อกเชน ทำเรื่องซัพพลายเชนมากขึ้น หรือมีการทดลองใช้ทำเรื่องปล่อยเงินกู้ แต่ว่าเรายังเห็นน้อยมากในการนำไปใช้ในสเกลของคนทั่วไปจริงๆ เพราะฉะนั้นผมมองว่าอนาคตของบล็อกเชน คือการนำไปใช้จริงซึ่งเป็นเรื่องที่เทคโนโลยีต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยเหมือนกันครับว่า แล้วมันจะสามารถนำไปใช้งานในด้านธุรกิจทั่วไปยังไง ย้ำว่าไม่ใช่ว่ามันทำไม่ได้นะครับ มันทำได้แน่ๆ อยู่แล้ว เพราะเทคโนโลยีมันมีการพัฒนาตัวเองมานานมากแล้ว แต่วิธีใช้ของมันต่างหากที่ต้องคิดว่าจะเอาไปใช้ยังไงให้มันง่ายกับผู้ใช้งานด้วย
อยากรู้ว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนจะเปลี่ยนโลกของคุณยังไง คลิกไปดูคอร์สของคุณแบงค์ สถาพน ได้ที่ Shift Academy [เร็วๆนี้]
ขอขอบคุณ CSO ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการสัมภาษณ์ http://www.csothailand.co.th/
อัปเดตคอร์สใหม่และส่วนลดคอร์สต่างๆ
Thank you!
Policy Pages
Copyright © 2022
รับสิทธิพิเศษก่อนใคร แอดไลน์ @shiftyourfuture