5 Rituals That Predict Success | Robin Sharma
เราจะรู้ได้ยังไงว่าคนแบบไหนที่จะประสบความสำเร็จในอนาคต? เป็นหนึ่งในคำถามที่เราคิดว่ามีคำตอบอยู่มากมายขึ้นอยู่กับว่าเราใช้เกณฑ์แบบไหนในการชี้วัด และขึ้นอยู่กับว่าคุณไปถามคำถามนี้กับใคร? แต่สำหรับคนเขียนหนังสือขายดีระดับโลกอย่าง Robin Sharma ผู้เขียน The Monk Who Sold His Ferrari หรือ กระทั่งเล่มล่าสุดอย่าง The 5 AM Club `เขาบอกในคลิปนี้ว่า มีนิสัยอยู่ 5 อย่างที่จะทำนายได้ว่าคุณจะประสบความสำเร็จในอนาคตหรือไม่ ย้ำว่านิสัยนี้ต้องทำเป็นนิสัยนะ ถึงจะเรียกว่านิสัย
1. The ritual of early rising
นิสัยในการตื่นเช้า ร็อบบิน บอกว่าเวลาในตอนเช้าที่เรากำหนดไว้ สามารถกำหนดการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวันได้เลย เขาแนะนำว่า ควรจัดเวลาในตอนเช้าสำหรับการทำกิจกรรมที่มีคุณค่า เช่น การออกกำลัง เพราะจะทำให้เรามีพลังในการทำงาน และทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายเราดีขึ้น สดชื่นขึ้น เป็นต้น หรือถ้าอยากเขียนบันทึกก็ได้ คุณจะได้คิดว่าคุณควรจะทำอะไร หรือตั้งเป้าหมายอะไรไว้บ้าง ยอมรับว่าเป็นข้อที่พูดง่าย ทำยาก พอสมควร แต่ก็น่าลองดูเพราะมันแปลว่าเราจะเริ่มต้นแต่ละวันเร็วกว่าคนอื่น มีเวลามากขึ้นในการทำอะไรต่อมิอะไรในช่วงเช้าด้วย
2. The ritual of strategic time-blocking
นิสัยในการจัดระเบียบเวลาว่าแต่ละวันจะทำอะไรบ้าง เช่น ประชุม คุยงาน ให้เวลากับครอบครัว ร็อบบินบอกเลยว่า ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าว่าคุณอยากประสบความสำเร็จแบบใครก็ตาม ลองเอาตารางเวลาหรือ Schedule ในแต่ละวันให้เขาดู เขาจะตอบได้เลยว่าคุณจะไปถึงเป้าหมายได้มั้ย เพราะตารางในแต่ละวัน จะบอกถึงการใช้ชีวิตที่เหลือของคุณได้เลยทีเดียว คืออันนี้ก็แล้วแต่ใครจะเชื่อนะ เราอาจจะไม่ได้มองมุมเดียวกับเขาทั้งหมดก็ได้
ร็อบบิน ย้ำว่า มันไม่เกี่ยวว่าคุณกำลังพูดว่าจะทำอะไรบ้าง แต่มันเกี่ยวกับว่าคุณวางตารางไว้ยังไง เพราะสิ่งที่เราวางไว้ คือสิ่งที่เราต้องทำให้เสร็จด้วย เขาแนะนำว่าให้เอากระดาษแผ่นใหญ่ๆ มาเขียนหรือ บล็อกเวลาไว้เลยว่าจะทำอะไร ให้คิดว่ากระดาษคือการวางแผน เพราะชีวิตในแต่ละวันเปรียบได้กับการลงสนามต่อสู้อะไรสักอย่าง คุณต้องวางแผนว่าจะสู้รบยังไง (โอ้วว แม่เจ้า) แต่แน่นอนว่ามันเป็น Positive battle ก็แล้วกัน เจ้าตัวบอกว่าเขาจะวางตารางในแต่ละวันของสัปดาห์ไว้เลย และจะนั่งลงวางตารางตอนเช้าวันอาทิตย์ เพื่อดูว่าสัปดาห์ต่อไปจะทำอะไรบ้าง เราชอบตรงที่เขาบอกว่า vague goals lead to vague results เป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ก็จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจนเช่นกัน
1. The ritual of early rising
นิสัยในการตื่นเช้า ร็อบบิน บอกว่าเวลาในตอนเช้าที่เรากำหนดไว้ สามารถกำหนดการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวันได้เลย เขาแนะนำว่า ควรจัดเวลาในตอนเช้าสำหรับการทำกิจกรรมที่มีคุณค่า เช่น การออกกำลัง เพราะจะทำให้เรามีพลังในการทำงาน และทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายเราดีขึ้น สดชื่นขึ้น เป็นต้น หรือถ้าอยากเขียนบันทึกก็ได้ คุณจะได้คิดว่าคุณควรจะทำอะไร หรือตั้งเป้าหมายอะไรไว้บ้าง ยอมรับว่าเป็นข้อที่พูดง่าย ทำยาก พอสมควร แต่ก็น่าลองดูเพราะมันแปลว่าเราจะเริ่มต้นแต่ละวันเร็วกว่าคนอื่น มีเวลามากขึ้นในการทำอะไรต่อมิอะไรในช่วงเช้าด้วย
2. The ritual of strategic time-blocking
นิสัยในการจัดระเบียบเวลาว่าแต่ละวันจะทำอะไรบ้าง เช่น ประชุม คุยงาน ให้เวลากับครอบครัว ร็อบบินบอกเลยว่า ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าว่าคุณอยากประสบความสำเร็จแบบใครก็ตาม ลองเอาตารางเวลาหรือ Schedule ในแต่ละวันให้เขาดู เขาจะตอบได้เลยว่าคุณจะไปถึงเป้าหมายได้มั้ย เพราะตารางในแต่ละวัน จะบอกถึงการใช้ชีวิตที่เหลือของคุณได้เลยทีเดียว คืออันนี้ก็แล้วแต่ใครจะเชื่อนะ เราอาจจะไม่ได้มองมุมเดียวกับเขาทั้งหมดก็ได้
ร็อบบิน ย้ำว่า มันไม่เกี่ยวว่าคุณกำลังพูดว่าจะทำอะไรบ้าง แต่มันเกี่ยวกับว่าคุณวางตารางไว้ยังไง เพราะสิ่งที่เราวางไว้ คือสิ่งที่เราต้องทำให้เสร็จด้วย เขาแนะนำว่าให้เอากระดาษแผ่นใหญ่ๆ มาเขียนหรือ บล็อกเวลาไว้เลยว่าจะทำอะไร ให้คิดว่ากระดาษคือการวางแผน เพราะชีวิตในแต่ละวันเปรียบได้กับการลงสนามต่อสู้อะไรสักอย่าง คุณต้องวางแผนว่าจะสู้รบยังไง (โอ้วว แม่เจ้า) แต่แน่นอนว่ามันเป็น Positive battle ก็แล้วกัน เจ้าตัวบอกว่าเขาจะวางตารางในแต่ละวันของสัปดาห์ไว้เลย และจะนั่งลงวางตารางตอนเช้าวันอาทิตย์ เพื่อดูว่าสัปดาห์ต่อไปจะทำอะไรบ้าง เราชอบตรงที่เขาบอกว่า vague goals lead to vague results เป้าหมายที่ไม่ชัดเจน ก็จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจนเช่นกัน
3. The ritual of over-delivering
นิสัยของการทำให้มากกว่าที่ใครคาดหวังให้คุณทำ เพราะทุกวันนี้ ทุกคนล้วนทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งก็มีทั้งแบบทำได้อย่างที่คาดหวัง หรือน้อยกว่าที่คาดหวัง แต่ถ้าใครสักคนทำในสิ่งที่มากไปกว่าที่เขาถูกคาดหวังให้ทำ คนๆ นั้นจะดูพิเศษขึ้นมาทันที และนี่ก็คือโอกาสที่คุณจะได้พัฒนาตัวเองให้โดดเด่นกว่าคนอื่นในสาขานั้นๆ เขาบอกว่า มันเป็นเรื่องของการคิดริเริ่มอะไรใหม่ๆ หรือ initiative เมื่อฝึกที่จะทำในสิ่งที่มากกว่าที่คนอื่นคาดหวังไปเรื่อยๆ ในที่สุดคุณจะกลายเป็นคนที่องค์กรขาดไม่ได้
4. The 60-minute student
นิสัยของการเป็นคนรักการเรียนรู้ในทุกๆวัน ร็อบบิน บอกว่าไม่ว่าคุณจะยุ่งขนาดไหน ถ้าหากอยากเป็นคนที่เป็นตำนาน เป็นคนที่เก่งกาจในสายงาน คุณต้องจัดเวลาสำหรับการเรียนรู้ทุก ๆ วัน เพราะคนเก่งๆ ทุกคนจะคิดเหมือนตัวเองเป็นมือใหม่ นั่นแปลว่าพวกเขาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ (Every master thinks like the beginner, they’re always learning) เขาย้ำว่า ควรจัดเวลา 1 ชั่วโมงเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เช่น อ่านหนังสือ ฟังพอดแคสต์ ฟัง Audio books หรือแม้กระทั่งการเขียนบันทึกว่าเราเรียนรู้อะไรในแต่ละวัน หรือ เราเรียนรู้อะไรในชีวิตบ้าง ก็ถือเป็นการเรียนรู้ที่ดีมากๆ แบบหนึ่ง และจะทำให้คุณไปไกลกว่าคนอื่นๆ ในสาขาเดียวกันด้วย คำที่เราชอบมาก ๆ อีกคำก็คือ การศึกษาเป็นภูมิคุ้มกันการถูกดิสรัปต์ ( Education is inoculation against disruption) รู้สึกว่าใช่เลย ยุคนี้ มีแค่การเรียนรู้เพิ่มเติมเท่านั้นที่จะพาเรารอดปลอดภัยจากการถูกทุกสิ่งทุกอย่างดิสรัปต์ได้
5. The ritual of private reflection
นิสัยของการครุ่นคิดเกี่ยวกับชีวิตและการทำงาน แปลว่า เราควรจะหาเวลาคิด พิจารณาสิ่งที่เราทำในแต่ละวัน ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน เพราะถ้าเราไม่เริ่มคิดอย่างจริงจัง หรือหาเวลาในการสะท้อนมุมมองของตัวเองออกมา ก็เหมือนเรามัวแต่หมกมุ่นในการป่ายปีนภูเขา เพื่อที่สุดท้ายแล้วจะพบว่าเราปีนภูเขาผิดลูก!!! ที่สำคัญเราควรจะคิดว่าการทำงานในแต่ละวันมันไปด้วยกันกับคุณค่าลึกๆ ในตัวเองมั้ย
อยากให้ลองไปฟังคลิปเต็มๆ ของแนวคิดที่ทรงคุณค่านี้ได้ใน https://youtu.be/LxXZ-7W1dBM
นิสัยของการทำให้มากกว่าที่ใครคาดหวังให้คุณทำ เพราะทุกวันนี้ ทุกคนล้วนทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งก็มีทั้งแบบทำได้อย่างที่คาดหวัง หรือน้อยกว่าที่คาดหวัง แต่ถ้าใครสักคนทำในสิ่งที่มากไปกว่าที่เขาถูกคาดหวังให้ทำ คนๆ นั้นจะดูพิเศษขึ้นมาทันที และนี่ก็คือโอกาสที่คุณจะได้พัฒนาตัวเองให้โดดเด่นกว่าคนอื่นในสาขานั้นๆ เขาบอกว่า มันเป็นเรื่องของการคิดริเริ่มอะไรใหม่ๆ หรือ initiative เมื่อฝึกที่จะทำในสิ่งที่มากกว่าที่คนอื่นคาดหวังไปเรื่อยๆ ในที่สุดคุณจะกลายเป็นคนที่องค์กรขาดไม่ได้
4. The 60-minute student
นิสัยของการเป็นคนรักการเรียนรู้ในทุกๆวัน ร็อบบิน บอกว่าไม่ว่าคุณจะยุ่งขนาดไหน ถ้าหากอยากเป็นคนที่เป็นตำนาน เป็นคนที่เก่งกาจในสายงาน คุณต้องจัดเวลาสำหรับการเรียนรู้ทุก ๆ วัน เพราะคนเก่งๆ ทุกคนจะคิดเหมือนตัวเองเป็นมือใหม่ นั่นแปลว่าพวกเขาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ (Every master thinks like the beginner, they’re always learning) เขาย้ำว่า ควรจัดเวลา 1 ชั่วโมงเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เช่น อ่านหนังสือ ฟังพอดแคสต์ ฟัง Audio books หรือแม้กระทั่งการเขียนบันทึกว่าเราเรียนรู้อะไรในแต่ละวัน หรือ เราเรียนรู้อะไรในชีวิตบ้าง ก็ถือเป็นการเรียนรู้ที่ดีมากๆ แบบหนึ่ง และจะทำให้คุณไปไกลกว่าคนอื่นๆ ในสาขาเดียวกันด้วย คำที่เราชอบมาก ๆ อีกคำก็คือ การศึกษาเป็นภูมิคุ้มกันการถูกดิสรัปต์ ( Education is inoculation against disruption) รู้สึกว่าใช่เลย ยุคนี้ มีแค่การเรียนรู้เพิ่มเติมเท่านั้นที่จะพาเรารอดปลอดภัยจากการถูกทุกสิ่งทุกอย่างดิสรัปต์ได้
5. The ritual of private reflection
นิสัยของการครุ่นคิดเกี่ยวกับชีวิตและการทำงาน แปลว่า เราควรจะหาเวลาคิด พิจารณาสิ่งที่เราทำในแต่ละวัน ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน เพราะถ้าเราไม่เริ่มคิดอย่างจริงจัง หรือหาเวลาในการสะท้อนมุมมองของตัวเองออกมา ก็เหมือนเรามัวแต่หมกมุ่นในการป่ายปีนภูเขา เพื่อที่สุดท้ายแล้วจะพบว่าเราปีนภูเขาผิดลูก!!! ที่สำคัญเราควรจะคิดว่าการทำงานในแต่ละวันมันไปด้วยกันกับคุณค่าลึกๆ ในตัวเองมั้ย
อยากให้ลองไปฟังคลิปเต็มๆ ของแนวคิดที่ทรงคุณค่านี้ได้ใน https://youtu.be/LxXZ-7W1dBM
อย่าลืมว่า ถ้าอยากมีนิสัยแห่งความสำเร็จ เราก็ต้องปลูกฝังนิสัยนั้นให้สม่ำเสมอในแต่ละวัน เหมือนที่ Robin Sharma บอกว่า
Consistency is a mother of mastery.
ความสม่ำเสมอ คือมารดาแห่งความเชี่ยวชาญรอบรู้
และติดตามดูวีดีโอและพอดแคสต์เจ๋งๆ ที่จะช่วยเปิดมุมมองการเรียนรู้ใหม่ๆ เพื่อปรับเปลี่ยนชีวิตให้พร้อมสำหรับอนาคตได้ที่เพจ Shift Your Future
Consistency is a mother of mastery.
ความสม่ำเสมอ คือมารดาแห่งความเชี่ยวชาญรอบรู้
และติดตามดูวีดีโอและพอดแคสต์เจ๋งๆ ที่จะช่วยเปิดมุมมองการเรียนรู้ใหม่ๆ เพื่อปรับเปลี่ยนชีวิตให้พร้อมสำหรับอนาคตได้ที่เพจ Shift Your Future
อัปเดตคอร์สใหม่และส่วนลดคอร์สต่างๆ
Thank you!
Policy Pages
Copyright © 2022
รับสิทธิพิเศษก่อนใคร แอดไลน์ @shiftyourfuture