5 วัฒนธรรมองค์กรของบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ ‘แปลก’ แต่ ‘ดี’

In Summary

  • บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จเป็นพลุแตกในยุคนี้ต่างมีวัฒนธรรมองค์กรสุดแปลกที่รู้แล้วต้องยอมรับเลยว่าแปลกแบบนี้ถึงประสบความสำเร็จ
  • Spotify Zoom Netflix Pixar และ Linkedin ก็เป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีวัฒนธรรมแปลกแต่ดีที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ
  • SHiFT Your Future จะพาทุกคนไปรู้จักกับวัฒนธรรมองค์กรสุดแปลกของ 5 องค์กรนี้กัน
ความอัจฉริยะกับความแปลกมีเพียงเส้นบางๆ คั่นอยู่ และบางครั้งเพราะแปลกนี่แหละจึงอัจฉริยะ และด้วยเหตุนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่าประสบความสำเร็จ แถมยังสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับโลกถึงมีวัฒธรรมองค์กรที่ฟังแล้วงง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความแปลกเหล่านั้นคือเบื้องหลังของความสำเร็จ

Spotify มีชื่อแผนกแปลกๆ เป็นหน่วย ชนเผ่า พันธมิตร และกิลด์

Zoom มีทีมที่เรียกว่า Happiness Crew

คำที่อธิบายการทำงานใน Netflix ได้ดีที่สุดคือ ‘ชิล’

Pixar มีออฟฟิศที่หลุดออกมาจากแอนิเมชันของตัวเอง

ความเปลี่ยนแปลง ความซื่อสัตย์ ความร่วมมือ อารมณ์ขัน และผลลัพธ์ คือสิ่งที่ทุกคนใน Linkedin ต้องมี

วันนี้ SHiFT Your Future ขออาสาพาทุกคนไปรู้จักกับวัฒนธรรมที่แปลกแต่ดีขององค์กรทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าพร้อมแล้วไปดูพร้อมๆ กันเลยครับ หากใครรู้จักวัฒนธรรมองค์กรแบบไหนที่ว่าแปลกอีก มาแชร์กันได้นะครับ เผื่อผู้อ่านทุกคนจะได้ไอเดียดีๆ ไปปรับใช้กัน

Spotify
หลายคนคงคุ้นเคยกับแอปพลิเคชัน Spotify กันดีอยู่แล้ว Spotify เป็นแอปพลิเคชันสตรีมเพลงดิจิทัลชื่อดังที่เก่งที่สุดเรื่องระบบแนะนำเพลงที่โดนใจผู้ฟังสุด ๆ

หนึ่งในวัฒนธรรมองค์กรที่แปลกที่สุดของ Spotify คือ ที่นี่พวกเขาไม่ได้ใช้โครงสร้างองค์กรแบบเดิมๆ ไม่มีแผนก หรือทีม แต่พวกเขาแบ่งโครงสร้างองค์กรเป็น ‘Squad’ ‘Tribe’ ‘Alliance’ และ ‘Guild’ คือชื่อเรียกทีมขนาดต่าง ๆ ในองค์กร

ทีมที่เล็กที่สุดคือ Squad หากแปลเป็นไทยตรงๆ จะเหมือนหมู่ลูกเสือหรือหน่วยเล็กๆ ประกอบด้วยคน 6-12 คนคอยทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนาโปรดักส์และเทคโนโลยีต่างๆ คนในทีมออกแบบวิธีทำงานกันเองได้อย่างอิสระเหมือนเป็นบริษัทเล็กๆ ของตัวเอง Tribe หรือแปลเป็นไทยว่าชนเผ่า คือกลุ่ม Suqad หลายๆ ทีมที่ทำงานด้านเดียวกัน หากจะเทียบได้ก็คงเป็นแผนก ชนเผ่าเหล่านี้จะรวมตัวกันเป็น Alliance หรือกลุ่นพันธมิตรที่มีเป้าหมายใหญ่เดียวกันในการพัฒนาโปรดักส์ที่ดีที่สุด

นอกจากนี้ใน Spotify ยังมีสิ่งที่เรียกว่า Guild เป็นเหมือนชมรมของคนที่มีความสนใจร่วมกัน จะอยู่ทีมเดียวกันหรือคนละทีมก็ได้ คนในกลุ่มมักจะมาแชร์เรื่องราวความรู้หรือแฮงค์เอาท์ด้วยกันอยู่เสมอๆ ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ในการทำงานราบรื่นขึ้นไปอีก Spotify ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของคนในองค์กรในระดับที่มากกว่าแค่เพื่อนร่วมงาน แต่เป็นคนที่มีแพชชันร่วมกัน

วิธีการจัดองค์กรแบบเป็นกันเอง เข้าใจง่าย ไม่มีลำดับขั้นที่เยอะเกินไป ให้อิสระในการทำงาน และแชร์เรื่องราวที่สนใจกันอย่างใกล้ชิดได้แบบนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Spotify สามารถพัฒนาตัวเองจนครองใจผู้คนได้ และประสบความสำเร็จจนน่าทึ่งอย่างทุกวันนี้

Zoom
Zoom บริษัทให้บริการด้านเทคโนโลยี Video Conference ชื่อดังก็เป็นอีกบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในช่วงที่ผ่านมา และหนึ่งในปัจจัยสำคัญของความสำเร็จนั้นมาจากการที่พนักงานในบริษัทรักและตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ เพราะบริษัทเองก็ให้ความสำคัญกับความสุขของพนักงานมาก ที่ Zoom มีอัตราการ Turnover หรืออัตราที่พนักงานลาออกแค่ 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ที่บริษัท Zoom มีสิ่งที่เรียกว่า Happiness Crew เป็นกลุ่มแผนกที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องความสุขและสุขภาพจิตของพนักงานโดยเฉพาะ คอยจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้พนักงานมีความสุข ได้แสดงตัวตน ได้แสดงความสนใจของตัวเองอย่างเปิดเผย Zoom ยังมีกิจกรรมที่ให้พนักงานพาคนในครอบครัวมาแนะนำกับที่ทำงาน ให้เพื่อนร่วมงานรู้ว่านี่แหละคือโฉมหน้าของคนที่เป็นอีกครึ่งชีวิตของพวกเขา

ที่ Zoom รายได้ ผลประกอบการ ไม่สำคัญเท่ากับความสุขของพนักงาน ความมั่นใจของพนักงาน และการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างไม่สิ้นสุด เพราะสิ่งนี้คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างบริษัทให้ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

Netflix
อีกหนึ่งบริษัทที่เราต้องยอมรับว่าสุดยอดจริงๆ นอกจากจะสร้างบริการสตรีมมิงที่พลิกวงการภาพยนตร์แล้ว ยังเติบโตอย่างมหาศาลได้ในเวลาที่รวดเร็ว

Netflix เป็นบริษัทที่เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยคนเก่งที่ไม่แพ้บริษัทยักษ์ๆ อย่าง  Google หรือ Microsoft เลย ส่วนหนึ่งก็เพราะ Netflix มีวัฒนธรรมองค์กรที่โดดเด่นมาก การจ้างงานจะเลือกจ้างแต่คนที่มั่นใจว่าเก่งจริง พร้อมเรียนรู้ และจะเก่งขึ้นอีกใน 6 เดือนข้างหน้า  (หาอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัตนธรรมองค์ของ Netflix ได้ที่หนังสือ ทำไม Netflix ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง ที่เราเคยรีวิวไว้ได้ ที่นี่)

และจ้างคนเก่งมาแล้วก็ใช่ว่าจะให้มาทำงานในองค์กรแบบดั้งเดิม Netflix เป็นองค์กรที่เรียกได้ว่าไม่เหมือนใครแน่นอน เพราะคำจำกัดความของวัฒนธรรมใน Netflix คือ ‘ชิล’ ความชิลในที่นี้ไม่ใช่ทำงานแบบสุกเอาเผากิน แต่คืออิสระ อิสระที่จะแสดงความเห็น อิสระที่จะเห็นต่างและพูดออกมา อิสระที่จะถามคำถาม ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ Netflix ให้ความสำคัญมาก และ Netflix เชื่อว่าการจะทำงานให้ออกมาดีนั้นต้องให้คนมีความรับผิดชอบในตัวเอง นโยบายเรื่องวันหยุดและการเบิกค่าใช้จ่ายจึงออกมาในแนวทางที่หยุดได้เท่าที่เห็นว่าสมควร ไม่มีจำกัด  เลือกนั่งเครื่องบินได้ตามแบบที่คิดว่าสบายและจะทำให้มีแรงทำงานมากที่สุด และนี่ทำให้คนเก่งๆ ไม่เคยทิ้ง Netflix ไปไหน

Pixar
หลายคนคงสงสัยว่าบริษัทผลิตแอนิมันชื่อดังอย่าง Pixar ทำอย่างไรถึงมีไอเดียสดใหม่มาผลิตการ์ตูนเจ๋งๆ ให้เราดูกันอยู่ตลอดเวลา เหมือนว่าความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาไม่เคยตันเลย คำตอบคือ นั่นก็เพราะว่าพวกเขามีออฟฟิศที่ทำให้พวกเขาออกไอเดียใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลานั่นเอง

ออฟฟิศของ Pixar เป็นออฟฟิศที่เลื่องชื่อมากเรื่องดีไซน์สุดเท่ เป็นออฟฟิศที่ดูแล้วไม่เหมือนโตะทำงานแต่เหมือนฉากในการ์ตูนของพวกเขามากกว่า โต๊ะทำงานของบางคนอยู่ในรถบ้านคันกะทัดรัดแต่อบอุ่น เหมือนกับที่เราหาได้ในการ์ตูน หรือจะเข้าไปนั่งประชุมในห้องประชุมรูปไข่ที่เหมือนหลุดออกมาจากแอนิเมชันเรื่องโปรดก็ได้ รอบๆ  ออฟฟิศยังเต็มไปด้วยโมเดลเล็กใหญ่ของคาแรกเตอร์ตัวโปรด การอยู่ในออฟฟิศแบบนี้คงเลี่ยงไม่ได้ถ้าจะมีไอเดียสุดบรรเจิดโผล่มาทุกวัน

วัฒนธรรมองค์กรของ Pixar เองก็เป็นปัจจัยที่สำคัญไม่น้อย Pixar สนับสนุนให้พนักงานทุกคนเล่าเกี่ยวกับงานตัวเองให้คนอื่นฟัง แม้งานนั้นจะยังไม่เสร็จก็ตาม เพื่อให้ได้รับฟีดแบคดีๆ ที่บางทีอาจจะคาดไม่ถึงมาก่อน เพราะบางครั้งความคิดสร้างสรรค์ไม่จำเป็นต้องเกิดจากในหัวเราคนเดียว แต่อาจเกิดจากการทำงานร่วมกับคนอื่นได้เช่นกัน

Linkedin
แม้ทุกวันนี้การโพสต์หางานผ่านโซเชียลมีเดียจะเป็นเรื่องง่ายมาก แทบไม่ต้องเสียเงินไปลงประกาศรับสมัครงานในเว็บหางานก็ได้ แต่ Linkedin ก็ยังคงเป็นที่นิยมอยู่ และบริษัทใหญ่ๆ จำนวนมากก็ยังคงยอมจ่ายเงินให้ Linkedin เพื่อหาผู้สมัครที่ดีที่สุดให้เขา

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Linkedin ยังคงอยู่ยงคงกระพันแม้ในวันที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่ามันมาจากวัฒนธรรมองค์กรของ Linkedin เอง ซึ่งการทำงานทุกอย่างจะดำเนินในกรอบของหลักคิด 5 ข้อนี้

‘การเปลี่ยนแปลง’ ทุกคนในองค์กรมีหน้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำอยู่ให้ดีขึ้นทุกวัน

‘ความซื่อสัตย์’ หากวิธีการมันผิดแล้ว ต่อให้ผลลัพธ์ดีแค่ไหนก็ลบล้างไม่ได้

‘การร่วมมือ’ การทำงานร่วมกันให้ผลลัพธ์ที่ดีว่าเสมอ

‘อารมณ์ขัน’ งานที่มีมันท้าทายและการได้หัวเราะในทุกวันช่วยได้มาก

และ ‘ผลลัพธ์’ เรามีเป้าหมายชัด และจริงจังกับผลลัพธ์

5 ข้อนี้คือสิ่งที่ Linkedin ให้ความสำคัญที่สุด และเป็นสิ่งที่พนักงานทุกคนต้องมี และการ Fake เอา หรือแกล้งๆ แสร้งว่ามีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหากจะหลอกบริษัทที่ทำงานกับคนเป็นหลักแบบ Linkedin และการปลูกฝังให้ทุกคนเดินหน้าทำงานให้อยู่ในกรอบของหลักคิดทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้ Linkein ประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบัน

Source
Created with