ความเข้าใจผิด 6 ข้อเกี่ยวกับการทำธุรกิจ Internet Marketing
บทความพิเศษจาก : คุณเสรี วรเดชจำเริญ
ผู้มีประสบการณ์ด้าน Internet Marketing แบบ Direct Response มานับสิบปี นำวิชาความรู้ด้านนี้มาสร้างระบบธุรกิจออนไลน์แบบ automatic ของตัวเอง จนถูกยักษ์ใหญ่ของโลกด้าน Affliate Marketing อย่าง ClickBank เชิญตัวไปพูดที่ต่างประเทศมาแล้ว
คุณรู้ไหมว่าหน้าเว็บเห่ย ๆ 1 หน้าทำเงินให้ผมมากกว่า 7 หลักเมื่อปี 2008 และสิ่งที่ผมสร้างเอาไว้จากเจ้าธุรกิจตัวนี้ก็ยังคงทำเงินให้ผมอยู่ตลอดเวลาจนวันนี้เวลานี้
ถ้าคุณอยากดู ลองกด Link ได้เลย
ก่อนอื่น ผมต้องบอกว่า ตัวเองเป็นคนโชคดีมาก ๆ ที่ได้เริ่มต้นทำ “ธุรกิจ” ตัวนี้ตั้งแต่สมัยสิบกว่าปีก่อน ซึ่งผมขอเรียกชื่อโดยรวมของมันก่อนว่า มันคือ Internet Marketing หรือการทำธุรกิจผ่านอินเตอร์เน็ต
แต่เรื่องที่ผมเสียดายก็คือว่า แม้ผมจะเคยแบ่งปันความรู้เหล่านี้ให้หลายๆ คนมาตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา แต่ส่วนใหญ่แล้ว คนมักจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมทำ อาจจะด้วยอคติบางอย่าง หรืออาจจะมีอะไรมาบังตาเขาอยู่ก็ได้ เอาจริง ๆ ผมก็ไม่ได้สนใจเหตุผลพวกนั้นมากนักหรอก แต่สิ่งที่ผมเสียดายแทนก็คือ
“โอกาส”
โอกาสที่พวกเขาเหล่านั้นจะสามารถสร้างรายได้ที่มากกว่าเงินจากงานประจำ
โอกาสที่เขาจะสามารถเลือกเส้นทางเดินชีวิตของตัวเอง
โอกาสที่เขาจะสามารถมีเวลาอยู่กับครอบครัวได้เท่าที่ต้องการ
และโอกาสอื่น ๆ อีกมากมาย…
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับวิกฤติโควิดแบบนี้ ต้องบอกเลยว่าผมเสียดายแทนพวกเขามาก ๆที่พวกเขาไม่ได้พยายามสร้างธุรกิจบนหลักการ Internet Marketing ขึ้นมาก่อนหน้านี้
ถึงแม้ว่าธุรกิจที่ผมทำนี้จะได้รับผลกระทบจากโควิดเช่นกัน แต่แน่นอนว่า…มีผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจรูปแบบอื่นมาก ๆ ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจในแบบที่ผมทำ ไม่ต้องมีการสต๊อกสินค้า ไม่ต้องขนส่ง ไม่มีต้นทุนเพิ่มเติมตามจำนวนที่ขายได้ ไม่ต้องมีพนักงาน ไม่ต้องมีออฟฟิศ เรียกว่ามีต้นทุนต่ำมาก ๆ
และต่อให้เป็นกรณีที่แย่ที่สุด ถ้าผมขายของไม่ได้เลย ผมก็มีต้นทุนแค่ค่าเครื่องมือหลักพันบาทต่อเดือน ซึ่งผมสามารถยกเลิกการขายเมื่อไหร่ก็ได้อีก ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใด ๆ (แต่โชคดีที่ผมยังขายของได้ทุกวันในยุคโควิดนี้ แม้จะไม่ดีเท่ายุคก่อนหน้าโควิดก็ตาม)
อย่างไรก็ตาม ผมว่าทุกคนเห็นภาพชัดเจนแล้วว่า ธุรกิจรูปแบบเดิม ๆ มันมีข้อเสียอย่างไรบ้างในสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้น ผมจึงคิดว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะมากที่คุณควรจะเปิดใจเรียนรู้ เพราะไหน ๆ คุณก็ได้อยู่บ้านเยอะขึ้น มีเวลาเยอะขึ้น นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ ในการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ
วันนี้ผมเลยอยากเขียนบทความสักชิ้นด้วยความคาดหวังเพียงว่า… คุณจะไม่พลาดโอกาสสำคัญเช่นนี้ไปอีกคนเพียงเพราะคุณไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมอยากแบ่งปัน (หรืออาจจะเข้าใจอะไรผิดๆอยู่)
เรื่องที่ผมจะมาเล่าให้ฟังในวันนี้ก็คือ
ความเข้าใจผิด 6 ข้อเกี่ยวกับการทำธุรกิจ Internet Marketing
ผู้มีประสบการณ์ด้าน Internet Marketing แบบ Direct Response มานับสิบปี นำวิชาความรู้ด้านนี้มาสร้างระบบธุรกิจออนไลน์แบบ automatic ของตัวเอง จนถูกยักษ์ใหญ่ของโลกด้าน Affliate Marketing อย่าง ClickBank เชิญตัวไปพูดที่ต่างประเทศมาแล้ว
คุณรู้ไหมว่าหน้าเว็บเห่ย ๆ 1 หน้าทำเงินให้ผมมากกว่า 7 หลักเมื่อปี 2008 และสิ่งที่ผมสร้างเอาไว้จากเจ้าธุรกิจตัวนี้ก็ยังคงทำเงินให้ผมอยู่ตลอดเวลาจนวันนี้เวลานี้
ถ้าคุณอยากดู ลองกด Link ได้เลย
ก่อนอื่น ผมต้องบอกว่า ตัวเองเป็นคนโชคดีมาก ๆ ที่ได้เริ่มต้นทำ “ธุรกิจ” ตัวนี้ตั้งแต่สมัยสิบกว่าปีก่อน ซึ่งผมขอเรียกชื่อโดยรวมของมันก่อนว่า มันคือ Internet Marketing หรือการทำธุรกิจผ่านอินเตอร์เน็ต
แต่เรื่องที่ผมเสียดายก็คือว่า แม้ผมจะเคยแบ่งปันความรู้เหล่านี้ให้หลายๆ คนมาตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา แต่ส่วนใหญ่แล้ว คนมักจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมทำ อาจจะด้วยอคติบางอย่าง หรืออาจจะมีอะไรมาบังตาเขาอยู่ก็ได้ เอาจริง ๆ ผมก็ไม่ได้สนใจเหตุผลพวกนั้นมากนักหรอก แต่สิ่งที่ผมเสียดายแทนก็คือ
“โอกาส”
โอกาสที่พวกเขาเหล่านั้นจะสามารถสร้างรายได้ที่มากกว่าเงินจากงานประจำ
โอกาสที่เขาจะสามารถเลือกเส้นทางเดินชีวิตของตัวเอง
โอกาสที่เขาจะสามารถมีเวลาอยู่กับครอบครัวได้เท่าที่ต้องการ
และโอกาสอื่น ๆ อีกมากมาย…
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับวิกฤติโควิดแบบนี้ ต้องบอกเลยว่าผมเสียดายแทนพวกเขามาก ๆที่พวกเขาไม่ได้พยายามสร้างธุรกิจบนหลักการ Internet Marketing ขึ้นมาก่อนหน้านี้
ถึงแม้ว่าธุรกิจที่ผมทำนี้จะได้รับผลกระทบจากโควิดเช่นกัน แต่แน่นอนว่า…มีผลกระทบน้อยกว่าธุรกิจรูปแบบอื่นมาก ๆ ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจในแบบที่ผมทำ ไม่ต้องมีการสต๊อกสินค้า ไม่ต้องขนส่ง ไม่มีต้นทุนเพิ่มเติมตามจำนวนที่ขายได้ ไม่ต้องมีพนักงาน ไม่ต้องมีออฟฟิศ เรียกว่ามีต้นทุนต่ำมาก ๆ
และต่อให้เป็นกรณีที่แย่ที่สุด ถ้าผมขายของไม่ได้เลย ผมก็มีต้นทุนแค่ค่าเครื่องมือหลักพันบาทต่อเดือน ซึ่งผมสามารถยกเลิกการขายเมื่อไหร่ก็ได้อีก ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใด ๆ (แต่โชคดีที่ผมยังขายของได้ทุกวันในยุคโควิดนี้ แม้จะไม่ดีเท่ายุคก่อนหน้าโควิดก็ตาม)
อย่างไรก็ตาม ผมว่าทุกคนเห็นภาพชัดเจนแล้วว่า ธุรกิจรูปแบบเดิม ๆ มันมีข้อเสียอย่างไรบ้างในสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้น ผมจึงคิดว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะมากที่คุณควรจะเปิดใจเรียนรู้ เพราะไหน ๆ คุณก็ได้อยู่บ้านเยอะขึ้น มีเวลาเยอะขึ้น นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ ในการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ
วันนี้ผมเลยอยากเขียนบทความสักชิ้นด้วยความคาดหวังเพียงว่า… คุณจะไม่พลาดโอกาสสำคัญเช่นนี้ไปอีกคนเพียงเพราะคุณไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมอยากแบ่งปัน (หรืออาจจะเข้าใจอะไรผิดๆอยู่)
เรื่องที่ผมจะมาเล่าให้ฟังในวันนี้ก็คือ
ความเข้าใจผิด 6 ข้อเกี่ยวกับการทำธุรกิจ Internet Marketing
1. เข้าใจว่าเป็นเรื่องหลอกลวง
เป็นข้อแรกๆ เลยที่เจอ ซึ่งก็ไม่แปลกนะครับ เพราะตอนผมเห็นเว็บแนวนี้ครั้งแรกๆ ผมก็คิดแบบเดียวกันเป๊ะเลยว่า หลอกชัดๆ แต่ด้วยความที่ผมเห็นว่าคนส่วนใหญ่ต่างก็คิดว่าเป็นเรื่องหลอกลวงเช่นกัน ตอนนั้นผมเลยคิดฉีกไปว่า แต่เท่าที่เห็น คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการนี่นา เลยลองสวนความเชื่อตัวเองดู ผมเลยมีวันนี้ครับ มันเกิดขึ้นง่ายๆ แบบนี้แหละ
การตัดสินใจลองเข้าไปเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับ IM ทำให้วันนี้ ผมไม่จำเป็นต้องทำงานประจำอีกเลย (ถ้าคุณยังไม่รู้จักผม ผมขอย้อนไปนิดเดียวว่า ผมเคยทำงานประจำมาก่อน และทำธุรกิจนี้ควบคู่ไปด้วย จนกระทั่งรายได้มากกว่าเงินเดือน สุดท้ายผมจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาช่วยภรรยาเลี้ยงลูกเมื่อปี 2011 ทุกวันนี้ก็ใช้เวลาเต็มที่อยู่กับครอบครัว ออกไปรับไปส่งลูกด้วยกันกับภรรยาได้ทุกวัน)
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ คุณยังคงคิดว่าเว็บที่นำเสนอเรื่อง Internet Marketing เป็นเรื่องหลอกลวง ผมอยากบอกอย่างนี้ครับว่า ต้องยอมรับว่า มีหลายๆเว็บที่ออกแนวหลอกลวง ต้มตุ๋น โกหก เอาจริง ๆ เว็บแนวนี้ที่เมืองนอกก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนแล้ว ซึ่งตอนนี้ในไทยก็มีเช่นกัน
แต่สุดท้าย สิ่งที่จะแยกออกว่าใครหลอกลวง ใครทำแล้วได้ผลจริง ๆ ผมว่ามันก็จะต้องมองย้อนกลับมาที่คนทำนี่ล่ะครับ เพราะถ้าคุณสร้างทุกอย่างขึ้นมาอย่างเป็นระบบ เรียนรู้และทำความเข้าใจการทำธุรกิจอย่างถ่องแท้ มันจะกลายเป็นธุรกิจจริง ๆ ได้แน่นอน ส่วนผลที่ออกมาจะเป็นของจริงหรือหลอกลวง มันก็ขึ้นอยู่กับเจตนาของคนทำ
2. เข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องการขายตรงแบบ MLM
เรื่องนี้ ผมต้องถามก่อนว่า… นิยามของคำว่า “ขายตรง” ที่คุณไม่ชอบ หรืออาจจะเข้าขั้นเกลียดเลย มันคืออะไรกันแน่? คุณเกลียดการที่คนขายชอบมาตื๊อให้ซื้อของจนน่ารำคาญ? คุณเกลียดพวกแชร์ลูกโซ่? ผมจะบอกว่าแนวทางการขายของธุรกิจของผมมันไม่ใช่ทั้ง “ขายตรง” และ “MLM” ทั้งคู่นั่นล่ะ แต่เป็นสิ่งที่ผมและคนที่ทำแนวนี้เรียกกันว่า “Direct Response” แปลไทยประมาณว่าเป็นเว็บที่ต้องการ “ผลตอบรับตรง ๆ ทันที” อารมณ์ประมาณนี้
คือถ้าเป็นการขายสินค้า ก็เป็นการขายสินค้าที่คาดหวังให้เกิดการขายของได้เลย ไม่ได้สนใจเรื่องการสร้างแบรนด์ สร้างยอดไลค์อะไร นี่ล่ะคือ “Direct Response” ซึ่งจริง ๆ ตอนหลังมันก็มีคนหัวหมอ ทำเว็บแนว “Direct Response” แบบนี้ แล้วพยายามยัดสินค้าที่ขายเป็นพวกขายตรง แชร์ลูกโซ่ MLM ซึ่งต้องบอกเลยว่ามันก็ขึ้นอยู่กับคนทำนั่นล่ะว่าเอาสินค้าอะไรมาทำกับเว็บแนว “Direct Response” นี้
แต่สิ่งที่ผมการันตีได้อีกอย่างก็คือ “Direct Response” ใช้ได้ผลกับสินค้าหรือบริการเกือบทุกอย่างบนโลกนี้ ไม่เว้นแม้แต่สินค้าขายตรง แชร์ลูกโซ่ หรือแม้แต่ MLM
หรือสรุปอีกอย่างได้ว่าแนวทางการขายแบบ “Direct Response“ มันใช้ได้ผลดีมาก ๆ จนพวกที่ทำขายตรง MLM พวกนี้ต้องหยิบยืมเอาวิธีนี้ไปใช้
ผมถึงได้ย้ำตลอดเวลาว่า มันขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะขายอะไร ถ้าคุณไม่อินกับพวกขายตรง คุณก็แค่อย่าไปขายสินค้าแนวขายตรง แต่ลงทุนทำสินค้าคุณภาพจริง ๆ ขึ้นมาก็จบ และถ้าคุณย้อนขึ้นไปดูที่เว็บของผม คุณก็จะเห็นได้ว่า สินค้าที่ผมขายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับขายตรงหรือ MLM อะไรพวกนั้นเลย
แต่สิ่งที่ผมขาย มันคือซอฟท์แวร์ตัวเล็ก ๆ และผมก็ไม่ได้ขายเฉพาะซอฟท์แวร์ แต่ผมมีขายทั้งพวกอีบุ๊ก วีดีโอคอร์ส ฯลฯ และอีกมากมายครับ ซึ่งทุกอย่างก็ไม่ได้เกี่ยวกับการขายตรงเลยแม้แต่นิดเดียว!
3. เข้าใจผิดว่าต้องเก่งภาษาอังกฤษถึงจะทำได้
อันนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นความเข้าใจผิดมาก ๆ คุณรู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว “ภาษา“ มันเป็นแค่ “รูปแบบ“ ของการสื่อสารแบบหนึ่งเท่านั้น เหมือนภาษาไทยก็คือรูปแบบหนึ่งของการสื่อสาร ฉันใดก็ฉันนั้น ภาษาอังกฤษก็เป็นแค่อีกรูปแบบหนึ่งของการสื่อสารเท่านั้น และมันไม่ได้เกี่ยวกับการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จสักนิดเลย!
สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จอย่างแท้จริง ก็คือประเด็นที่ว่า คุณสื่อสารออกไป ”แบบไหน” ให้ลูกค้ารับรู้ต่างหาก ดังนั้น ต่อให้คุณพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แต่ไม่เคยขายของมาก่อนเลย ถ้าจับให้ไปแข่งกับคนที่เรียนไม่จบมหาวิทยาลัย หรือไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่รู้ว่าสื่อสารแบบไหนคนถึงจะซื้อแล้วละก็ ร้อยทั้งร้อย คนพูดภาษาอังกฤษเก่งก็ถึงขั้นแพ้ได้เลยครับ
ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง แต่ถ้าคุณไปหาคนทำสคริปต์ที่ดีได้แล้วไปจ้างฝรั่งมาอ่านแทน ปัญหานี้ก็จบ บอกเลยว่าเดี๋ยวนี้มีคนรับจ้างพูดและเขียนภาษาอังกฤษในราคาที่จับต้องได้เยอะแยะมาก ๆ อย่ากังวลไปเลยครับ คุณอยากดูคลิปแรกที่ผมทำเมื่อสิบกว่าปีก่อนเพื่อขายสินค้าให้กับคนต่างชาติของผมไหมล่ะ?
YouTube (ตอนนั้นภาษาผมกากจริง ๆ รู้ตัวเลย ฮ่า ๆ)
จากคลิปนี้ ถึงแม้จะมีคนบ่นว่าฟังไม่รู้เรื่องบ้าง ภาษาแย่บ้าง แต่เกิดอะไรขึ้นรู้มั้ยครับ?
มีหลายคนที่ซื้อสินค้าของผมจากคลิปนี้นะครับ เพราะสุดท้ายแล้ว เขาเห็นใน “คุณค่า” ที่เขาจะได้รับจากสินค้าผม ดังนั้น ผมถึงได้บอกว่า ประเด็นมันอยู่ที่คุณสื่อสารออกไป “แบบไหน” ไม่เกี่ยวกับ “รูปแบบ” เลย ดังนั้น ถ้าภาษาอังกฤษคุณไม่ได้จริง ๆ จ้างคนที่เก่งกว่าเลยครับ เอาสมองไปคิดเรื่องการตลาด การขาย คุ้มเวลากว่าเยอะ
เลิกคิดเถอะครับว่าภาษาอังกฤษเป็นอุปสรรค!
4. เข้าใจผิดว่า ต้องเก่งคอมพิวเตอร์ถึงจะทำได้
ข้อนี้ ผมไม่ปฏิเสธนะครับว่าคนที่เล่นคอมฯ มา จะได้เปรียบคนที่ใช้คอมฯ ไม่คล่อง เพราะถ้าผมบอกว่าไม่เกี่ยวเลย ก็เหมือนคนขี้โกหกน่ะครับ เอาเป็นว่า ถ้าใครเก่งคอมฯ มาก่อนก็จะเสียเวลาเรียนแค่ส่วนของเครื่องมือต่าง ๆ ในการใช้งานเท่านั้น แต่คนที่ไม่ค่อยได้ใช้คอมฯ มาก่อนเลย ก็อาจจะต้องใช้เวลาเรียนเรื่องพื้นฐานทั่วไปด้วย
แต่ข่าวดีก็คือ… ยุคนี้เครื่องมือช่วยในการทำงานมากกว่าสมัยก่อนอย่างเห็นได้ชัดเรียกว่ามีสารพัดตัวช่วยเลยก็ว่าได้
ยกตัวอย่างเมื่อ 10 กว่าปีก่อน เวลาผมจะสร้างเว็บขึ้นมา 1 หน้า อาจจะต้องใช้เวลาหลายวัน แถมยังต้องทำในเรื่องของเทคนิคต่าง ๆ ด้วย เช่น FTP HTML จดโดเมน ทำเว็บโฮสติ้ง ฯลฯ แต่เดี๋ยวนี้เราสามารถสร้างเว็บได้ภายในเวลา 1 วัน คิดดูก็แล้วกันครับ
เอาเป็นว่า เราแค่ต้องรู้ว่าสร้างเว็บแบบไหนถึงจะขายสินค้าได้ก็พอ ไม่ต้องไปรู้อะไรในด้านเทคนิคมากมาย ผมยกตัวอย่างคนที่เคยมาเรียนกับผม มีคนหนึ่งเป็นคุณหมอ คุณหมอคนนี้เป็นคนน่ารักและมีความพยายามมาก แม้จะใช้คอมฯ ไม่คล่องมาก่อน แต่ก็สามารถสร้างเว็บขึ้นมาและขายสินค้าให้กับคนต่างประเทศได้เช่นกัน มาถึงตรงนี้ผมขอบอกเลยว่าไม่เก่งคอม ฯ ก็ทำได้ครับ
แค่ใจคุณพร้อมลุยหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง
5. เข้าใจผิดว่า ต้องใช้ทรัพยากรเยอะ ทั้งเงินทุนและคน
อันนี้ผมต้องบอกว่าคนเข้าใจผิดเยอะมาก โดยเฉพาะหลายคนชอบคิดว่าการจะทำธุรกิจให้ได้เงินเยอะๆนั้น เราต้องทำบริษัทให้ใหญ่ ผมจะบอกว่ามันก็ไม่ผิดเสียทีเดียว คือถ้าคุณต้องการขยับไประดับร้อยล้าน ดังนั้นแน่นอนคุณต้องมีทีมเยอะ ต้องทำให้บริษัทใหญ่ อันนี้เลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าเป้าหมายของคุณไม่ได้ต้องถึงขนาดทำรายได้ระดับร้อยล้านล่ะ?
ผมรู้จักหลายต่อหลายคนที่ทำรายได้จากธุรกิจเหล่านี้หลักสิบล้าน โดยที่ไม่มีลูกน้อง ไม่มีออฟฟิศ และหลายคนที่ว่า ก็ใช้เวลาท่องเที่ยวไปกับครอบครัว ไม่ชอบการต้องติดอยู่กับออฟฟิศ แถมยังเลือกเวลาและสถานที่ทำงานของตัวเองได้ ที่สำคัญคือระบบการขายของ ทำธุรกิจของเขาสามารถสร้างรายได้ให้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด โดยที่ไม่ต้องไปนั่งเฝ้าตอบคำถามลูกค้าตลอดเวลา เพราะระบบเกือบทั้งหมดมันทำงานแบบอัตโนมัติอยู่แล้ว เราอยู่ในยุคที่หุ่นยนต์และ AI สามารถทำงานแทนเราได้เยอะแล้วนะครับ
ดังนั้นถ้าคุณทำงานโดยที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเรื่องเหล่านี้อยู่ ผมว่าคุณอาจจะมีความเสี่ยงที่จะตามไม่ทันโลกอยู่เหมือนกันนะครับ
ผมอยากจะบอกว่า ทรัพยากรที่ต้องใช้เยอะที่สุดสำหรับงานแบบนี้ก็คือ “มันสมอง” ครับ และผมเชื่อว่าทุกคนมีเหมือนกันหมด แค่ยังไม่คิดที่จะใช้อย่างจริงจังเท่านั้น
6. เข้าใจผิดไปว่า ความรู้ที่เรามีอยู่มันก็ดีนะ แต่มันไม่ดีพอที่จะให้ใครเอาเงินมาแลกหรอก
ถ้าพูดแบบนี้ นั่นแปลว่าสิ่งที่คุณรู้ ใคร ๆ ก็สามารถรู้ได้ แค่ไปค้นหาตามกูเกิลก็ได้เหมือนกัน ดังนั้น ใครจะยินดีมาจ่ายเงินซื้อความรู้ของคุณล่ะ? ผมขอตอบว่า ทำเป็นเล่นไป คนพร้อมซื้อมีเยอะแยะเลยครับ! แต่ผมถามจริง ๆ เถอะว่า เวลาที่คุณค้นหาวิธีแก้ปัญหาอะไรสักอย่างได้บนกูเกิล คุณเชื่อในวิธีแก้ปัญหานั้น ๆไหม? ถ้าเชื่อ…เชื่อขนาดไหน? และถ้าปัญหาของคุณเป็นปัญหาสำคัญจริง ๆ ในชีวิต คุณจะเชื่อถือข้อมูลที่หาเจอจากกูเกิลได้จริง ๆ หรือ?
ในขณะที่ถ้ามีผู้รู้สักคนหนึ่งที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการว่า เขาสามารถแก้ปัญหาที่ว่านั้นได้จริง ๆ มีผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้จริง ๆ ถ้าให้เทียบกันตรงนี้ คุณจะเชื่อถือฝั่งไหนมากกว่า?
ผมว่าถ้าผมเดาไม่ผิด พวกเราล้วนยินดีควักกระเป๋าแลกกับข้อมูลการแก้ปัญหานั้น ๆ ถ้าแน่ใจได้ว่ามันเชื่อถือได้ ผมรู้จักกับเพื่อนผมหลายคนที่ขายข้อมูลการแก้ปัญหาในเรื่องประหลาดๆที่ผมไม่เคยคิดว่ามันจะทำเงินได้ เช่น คอร์สสอนปลูกเห็ด คอร์สสอนวาดภาพเหมือน (ทำเงินมากว่า 5-6 หลัก/เดือนต่อเนื่องหลายปีเลยนะครับ) ไม่เชื่อลองเปิดดูลิงก์ด้านล่างนี้ได้
https://web.archive.org/web/20081010201607/http://www.mushroomgrowbuddy.com/
https://web.archive.org/web/20120214001619/http://www.pencilportraitmastery.com/
เพราะฉะนั้น อย่าดูถูกความรู้ความเชี่ยวชาญที่คุณมีอยู่ครับ เราแค่เอามันมาเรียบเรียงตบๆแต่งๆหน่อย รับรองเลยว่ามีคนต้องการอย่างแน่นอน!
คำเตือน: ธุรกิจแนวนี้ก็ไม่ต่างกับธุรกิจอื่น ๆ ที่จะพาคุณไปสู่ความสำเร็จได้ แต่คุณต้องใช้ความทั้งพยายาม ความอดทน ความต่อเนื่อง และต้องโฟกัสดี ๆ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น อย่าคิดว่าจะมีทางลัดสู่ความร่ำรวยให้คุณโดยที่ไม่ต้องพยายามใดๆ ครับ
เป็นข้อแรกๆ เลยที่เจอ ซึ่งก็ไม่แปลกนะครับ เพราะตอนผมเห็นเว็บแนวนี้ครั้งแรกๆ ผมก็คิดแบบเดียวกันเป๊ะเลยว่า หลอกชัดๆ แต่ด้วยความที่ผมเห็นว่าคนส่วนใหญ่ต่างก็คิดว่าเป็นเรื่องหลอกลวงเช่นกัน ตอนนั้นผมเลยคิดฉีกไปว่า แต่เท่าที่เห็น คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการนี่นา เลยลองสวนความเชื่อตัวเองดู ผมเลยมีวันนี้ครับ มันเกิดขึ้นง่ายๆ แบบนี้แหละ
การตัดสินใจลองเข้าไปเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับ IM ทำให้วันนี้ ผมไม่จำเป็นต้องทำงานประจำอีกเลย (ถ้าคุณยังไม่รู้จักผม ผมขอย้อนไปนิดเดียวว่า ผมเคยทำงานประจำมาก่อน และทำธุรกิจนี้ควบคู่ไปด้วย จนกระทั่งรายได้มากกว่าเงินเดือน สุดท้ายผมจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาช่วยภรรยาเลี้ยงลูกเมื่อปี 2011 ทุกวันนี้ก็ใช้เวลาเต็มที่อยู่กับครอบครัว ออกไปรับไปส่งลูกด้วยกันกับภรรยาได้ทุกวัน)
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ คุณยังคงคิดว่าเว็บที่นำเสนอเรื่อง Internet Marketing เป็นเรื่องหลอกลวง ผมอยากบอกอย่างนี้ครับว่า ต้องยอมรับว่า มีหลายๆเว็บที่ออกแนวหลอกลวง ต้มตุ๋น โกหก เอาจริง ๆ เว็บแนวนี้ที่เมืองนอกก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนแล้ว ซึ่งตอนนี้ในไทยก็มีเช่นกัน
แต่สุดท้าย สิ่งที่จะแยกออกว่าใครหลอกลวง ใครทำแล้วได้ผลจริง ๆ ผมว่ามันก็จะต้องมองย้อนกลับมาที่คนทำนี่ล่ะครับ เพราะถ้าคุณสร้างทุกอย่างขึ้นมาอย่างเป็นระบบ เรียนรู้และทำความเข้าใจการทำธุรกิจอย่างถ่องแท้ มันจะกลายเป็นธุรกิจจริง ๆ ได้แน่นอน ส่วนผลที่ออกมาจะเป็นของจริงหรือหลอกลวง มันก็ขึ้นอยู่กับเจตนาของคนทำ
2. เข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องการขายตรงแบบ MLM
เรื่องนี้ ผมต้องถามก่อนว่า… นิยามของคำว่า “ขายตรง” ที่คุณไม่ชอบ หรืออาจจะเข้าขั้นเกลียดเลย มันคืออะไรกันแน่? คุณเกลียดการที่คนขายชอบมาตื๊อให้ซื้อของจนน่ารำคาญ? คุณเกลียดพวกแชร์ลูกโซ่? ผมจะบอกว่าแนวทางการขายของธุรกิจของผมมันไม่ใช่ทั้ง “ขายตรง” และ “MLM” ทั้งคู่นั่นล่ะ แต่เป็นสิ่งที่ผมและคนที่ทำแนวนี้เรียกกันว่า “Direct Response” แปลไทยประมาณว่าเป็นเว็บที่ต้องการ “ผลตอบรับตรง ๆ ทันที” อารมณ์ประมาณนี้
คือถ้าเป็นการขายสินค้า ก็เป็นการขายสินค้าที่คาดหวังให้เกิดการขายของได้เลย ไม่ได้สนใจเรื่องการสร้างแบรนด์ สร้างยอดไลค์อะไร นี่ล่ะคือ “Direct Response” ซึ่งจริง ๆ ตอนหลังมันก็มีคนหัวหมอ ทำเว็บแนว “Direct Response” แบบนี้ แล้วพยายามยัดสินค้าที่ขายเป็นพวกขายตรง แชร์ลูกโซ่ MLM ซึ่งต้องบอกเลยว่ามันก็ขึ้นอยู่กับคนทำนั่นล่ะว่าเอาสินค้าอะไรมาทำกับเว็บแนว “Direct Response” นี้
แต่สิ่งที่ผมการันตีได้อีกอย่างก็คือ “Direct Response” ใช้ได้ผลกับสินค้าหรือบริการเกือบทุกอย่างบนโลกนี้ ไม่เว้นแม้แต่สินค้าขายตรง แชร์ลูกโซ่ หรือแม้แต่ MLM
หรือสรุปอีกอย่างได้ว่าแนวทางการขายแบบ “Direct Response“ มันใช้ได้ผลดีมาก ๆ จนพวกที่ทำขายตรง MLM พวกนี้ต้องหยิบยืมเอาวิธีนี้ไปใช้
ผมถึงได้ย้ำตลอดเวลาว่า มันขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะขายอะไร ถ้าคุณไม่อินกับพวกขายตรง คุณก็แค่อย่าไปขายสินค้าแนวขายตรง แต่ลงทุนทำสินค้าคุณภาพจริง ๆ ขึ้นมาก็จบ และถ้าคุณย้อนขึ้นไปดูที่เว็บของผม คุณก็จะเห็นได้ว่า สินค้าที่ผมขายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับขายตรงหรือ MLM อะไรพวกนั้นเลย
แต่สิ่งที่ผมขาย มันคือซอฟท์แวร์ตัวเล็ก ๆ และผมก็ไม่ได้ขายเฉพาะซอฟท์แวร์ แต่ผมมีขายทั้งพวกอีบุ๊ก วีดีโอคอร์ส ฯลฯ และอีกมากมายครับ ซึ่งทุกอย่างก็ไม่ได้เกี่ยวกับการขายตรงเลยแม้แต่นิดเดียว!
3. เข้าใจผิดว่าต้องเก่งภาษาอังกฤษถึงจะทำได้
อันนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นความเข้าใจผิดมาก ๆ คุณรู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว “ภาษา“ มันเป็นแค่ “รูปแบบ“ ของการสื่อสารแบบหนึ่งเท่านั้น เหมือนภาษาไทยก็คือรูปแบบหนึ่งของการสื่อสาร ฉันใดก็ฉันนั้น ภาษาอังกฤษก็เป็นแค่อีกรูปแบบหนึ่งของการสื่อสารเท่านั้น และมันไม่ได้เกี่ยวกับการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จสักนิดเลย!
สิ่งที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จอย่างแท้จริง ก็คือประเด็นที่ว่า คุณสื่อสารออกไป ”แบบไหน” ให้ลูกค้ารับรู้ต่างหาก ดังนั้น ต่อให้คุณพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แต่ไม่เคยขายของมาก่อนเลย ถ้าจับให้ไปแข่งกับคนที่เรียนไม่จบมหาวิทยาลัย หรือไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่รู้ว่าสื่อสารแบบไหนคนถึงจะซื้อแล้วละก็ ร้อยทั้งร้อย คนพูดภาษาอังกฤษเก่งก็ถึงขั้นแพ้ได้เลยครับ
ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง แต่ถ้าคุณไปหาคนทำสคริปต์ที่ดีได้แล้วไปจ้างฝรั่งมาอ่านแทน ปัญหานี้ก็จบ บอกเลยว่าเดี๋ยวนี้มีคนรับจ้างพูดและเขียนภาษาอังกฤษในราคาที่จับต้องได้เยอะแยะมาก ๆ อย่ากังวลไปเลยครับ คุณอยากดูคลิปแรกที่ผมทำเมื่อสิบกว่าปีก่อนเพื่อขายสินค้าให้กับคนต่างชาติของผมไหมล่ะ?
YouTube (ตอนนั้นภาษาผมกากจริง ๆ รู้ตัวเลย ฮ่า ๆ)
จากคลิปนี้ ถึงแม้จะมีคนบ่นว่าฟังไม่รู้เรื่องบ้าง ภาษาแย่บ้าง แต่เกิดอะไรขึ้นรู้มั้ยครับ?
มีหลายคนที่ซื้อสินค้าของผมจากคลิปนี้นะครับ เพราะสุดท้ายแล้ว เขาเห็นใน “คุณค่า” ที่เขาจะได้รับจากสินค้าผม ดังนั้น ผมถึงได้บอกว่า ประเด็นมันอยู่ที่คุณสื่อสารออกไป “แบบไหน” ไม่เกี่ยวกับ “รูปแบบ” เลย ดังนั้น ถ้าภาษาอังกฤษคุณไม่ได้จริง ๆ จ้างคนที่เก่งกว่าเลยครับ เอาสมองไปคิดเรื่องการตลาด การขาย คุ้มเวลากว่าเยอะ
เลิกคิดเถอะครับว่าภาษาอังกฤษเป็นอุปสรรค!
4. เข้าใจผิดว่า ต้องเก่งคอมพิวเตอร์ถึงจะทำได้
ข้อนี้ ผมไม่ปฏิเสธนะครับว่าคนที่เล่นคอมฯ มา จะได้เปรียบคนที่ใช้คอมฯ ไม่คล่อง เพราะถ้าผมบอกว่าไม่เกี่ยวเลย ก็เหมือนคนขี้โกหกน่ะครับ เอาเป็นว่า ถ้าใครเก่งคอมฯ มาก่อนก็จะเสียเวลาเรียนแค่ส่วนของเครื่องมือต่าง ๆ ในการใช้งานเท่านั้น แต่คนที่ไม่ค่อยได้ใช้คอมฯ มาก่อนเลย ก็อาจจะต้องใช้เวลาเรียนเรื่องพื้นฐานทั่วไปด้วย
แต่ข่าวดีก็คือ… ยุคนี้เครื่องมือช่วยในการทำงานมากกว่าสมัยก่อนอย่างเห็นได้ชัดเรียกว่ามีสารพัดตัวช่วยเลยก็ว่าได้
ยกตัวอย่างเมื่อ 10 กว่าปีก่อน เวลาผมจะสร้างเว็บขึ้นมา 1 หน้า อาจจะต้องใช้เวลาหลายวัน แถมยังต้องทำในเรื่องของเทคนิคต่าง ๆ ด้วย เช่น FTP HTML จดโดเมน ทำเว็บโฮสติ้ง ฯลฯ แต่เดี๋ยวนี้เราสามารถสร้างเว็บได้ภายในเวลา 1 วัน คิดดูก็แล้วกันครับ
เอาเป็นว่า เราแค่ต้องรู้ว่าสร้างเว็บแบบไหนถึงจะขายสินค้าได้ก็พอ ไม่ต้องไปรู้อะไรในด้านเทคนิคมากมาย ผมยกตัวอย่างคนที่เคยมาเรียนกับผม มีคนหนึ่งเป็นคุณหมอ คุณหมอคนนี้เป็นคนน่ารักและมีความพยายามมาก แม้จะใช้คอมฯ ไม่คล่องมาก่อน แต่ก็สามารถสร้างเว็บขึ้นมาและขายสินค้าให้กับคนต่างประเทศได้เช่นกัน มาถึงตรงนี้ผมขอบอกเลยว่าไม่เก่งคอม ฯ ก็ทำได้ครับ
แค่ใจคุณพร้อมลุยหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง
5. เข้าใจผิดว่า ต้องใช้ทรัพยากรเยอะ ทั้งเงินทุนและคน
อันนี้ผมต้องบอกว่าคนเข้าใจผิดเยอะมาก โดยเฉพาะหลายคนชอบคิดว่าการจะทำธุรกิจให้ได้เงินเยอะๆนั้น เราต้องทำบริษัทให้ใหญ่ ผมจะบอกว่ามันก็ไม่ผิดเสียทีเดียว คือถ้าคุณต้องการขยับไประดับร้อยล้าน ดังนั้นแน่นอนคุณต้องมีทีมเยอะ ต้องทำให้บริษัทใหญ่ อันนี้เลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าเป้าหมายของคุณไม่ได้ต้องถึงขนาดทำรายได้ระดับร้อยล้านล่ะ?
ผมรู้จักหลายต่อหลายคนที่ทำรายได้จากธุรกิจเหล่านี้หลักสิบล้าน โดยที่ไม่มีลูกน้อง ไม่มีออฟฟิศ และหลายคนที่ว่า ก็ใช้เวลาท่องเที่ยวไปกับครอบครัว ไม่ชอบการต้องติดอยู่กับออฟฟิศ แถมยังเลือกเวลาและสถานที่ทำงานของตัวเองได้ ที่สำคัญคือระบบการขายของ ทำธุรกิจของเขาสามารถสร้างรายได้ให้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด โดยที่ไม่ต้องไปนั่งเฝ้าตอบคำถามลูกค้าตลอดเวลา เพราะระบบเกือบทั้งหมดมันทำงานแบบอัตโนมัติอยู่แล้ว เราอยู่ในยุคที่หุ่นยนต์และ AI สามารถทำงานแทนเราได้เยอะแล้วนะครับ
ดังนั้นถ้าคุณทำงานโดยที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเรื่องเหล่านี้อยู่ ผมว่าคุณอาจจะมีความเสี่ยงที่จะตามไม่ทันโลกอยู่เหมือนกันนะครับ
ผมอยากจะบอกว่า ทรัพยากรที่ต้องใช้เยอะที่สุดสำหรับงานแบบนี้ก็คือ “มันสมอง” ครับ และผมเชื่อว่าทุกคนมีเหมือนกันหมด แค่ยังไม่คิดที่จะใช้อย่างจริงจังเท่านั้น
6. เข้าใจผิดไปว่า ความรู้ที่เรามีอยู่มันก็ดีนะ แต่มันไม่ดีพอที่จะให้ใครเอาเงินมาแลกหรอก
ถ้าพูดแบบนี้ นั่นแปลว่าสิ่งที่คุณรู้ ใคร ๆ ก็สามารถรู้ได้ แค่ไปค้นหาตามกูเกิลก็ได้เหมือนกัน ดังนั้น ใครจะยินดีมาจ่ายเงินซื้อความรู้ของคุณล่ะ? ผมขอตอบว่า ทำเป็นเล่นไป คนพร้อมซื้อมีเยอะแยะเลยครับ! แต่ผมถามจริง ๆ เถอะว่า เวลาที่คุณค้นหาวิธีแก้ปัญหาอะไรสักอย่างได้บนกูเกิล คุณเชื่อในวิธีแก้ปัญหานั้น ๆไหม? ถ้าเชื่อ…เชื่อขนาดไหน? และถ้าปัญหาของคุณเป็นปัญหาสำคัญจริง ๆ ในชีวิต คุณจะเชื่อถือข้อมูลที่หาเจอจากกูเกิลได้จริง ๆ หรือ?
ในขณะที่ถ้ามีผู้รู้สักคนหนึ่งที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการว่า เขาสามารถแก้ปัญหาที่ว่านั้นได้จริง ๆ มีผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้จริง ๆ ถ้าให้เทียบกันตรงนี้ คุณจะเชื่อถือฝั่งไหนมากกว่า?
ผมว่าถ้าผมเดาไม่ผิด พวกเราล้วนยินดีควักกระเป๋าแลกกับข้อมูลการแก้ปัญหานั้น ๆ ถ้าแน่ใจได้ว่ามันเชื่อถือได้ ผมรู้จักกับเพื่อนผมหลายคนที่ขายข้อมูลการแก้ปัญหาในเรื่องประหลาดๆที่ผมไม่เคยคิดว่ามันจะทำเงินได้ เช่น คอร์สสอนปลูกเห็ด คอร์สสอนวาดภาพเหมือน (ทำเงินมากว่า 5-6 หลัก/เดือนต่อเนื่องหลายปีเลยนะครับ) ไม่เชื่อลองเปิดดูลิงก์ด้านล่างนี้ได้
https://web.archive.org/web/20081010201607/http://www.mushroomgrowbuddy.com/
https://web.archive.org/web/20120214001619/http://www.pencilportraitmastery.com/
เพราะฉะนั้น อย่าดูถูกความรู้ความเชี่ยวชาญที่คุณมีอยู่ครับ เราแค่เอามันมาเรียบเรียงตบๆแต่งๆหน่อย รับรองเลยว่ามีคนต้องการอย่างแน่นอน!
คำเตือน: ธุรกิจแนวนี้ก็ไม่ต่างกับธุรกิจอื่น ๆ ที่จะพาคุณไปสู่ความสำเร็จได้ แต่คุณต้องใช้ความทั้งพยายาม ความอดทน ความต่อเนื่อง และต้องโฟกัสดี ๆ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น อย่าคิดว่าจะมีทางลัดสู่ความร่ำรวยให้คุณโดยที่ไม่ต้องพยายามใดๆ ครับ
อัปเดตคอร์สใหม่และส่วนลดคอร์สต่างๆ
Thank you!
Policy Pages
Copyright © 2022
รับสิทธิพิเศษก่อนใคร แอดไลน์ @shiftyourfuture