หลักการเติบโตแบบมืออาชีพ ฉบับ Eric Schmidt

– ในหนังสือ The Best Advices I Ever Got ของเคธี่ คอริก ระบุว่าคำแนะนำที่ดีที่สุดที่เธอเคยได้รับมาจากอดีตประธานกรรมการบริหารของกูเกิล “อีริก ชมิดต์” คือการพูดตอบรับหรือเซย์เยสกับสิ่งใหม่ให้มากขึ้น เพราะหากทำได้ ชีวิตเราจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับโอกาสใหม่ที่จะตามมา

– หนึ่งในหลักการเติบโตฉบับมืออาชีพของอีริก ชมิดต์ (Eric Schmidt) คือ entrepreneur หรือผู้ประกอบการต้องหมั่นเพียรตื่นตัวอยากรู้ตลอดเวลา เพื่อตอบโจทย์ปัญหาสุดหินที่เกิดขึ้นไม่รู้จบ

– สำหรับวันที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลง อดีตประธานกรรมการบริหารกูเกิลแนะให้มนุษย์เงินเดือนมองการทำงานเหมือนการโต้คลื่น ที่นักเล่นเซิร์ฟมักต้องการคลื่นลูกใหญ่และดีที่สุด โดยต้องไม่ลืมว่าโอกาสไม่ได้จำกัดแค่บริษัทอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่อยู่ในทุกบริษัทที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี
  [Photo: Kim Kulish/Corbis via Getty Images]

อีริก ชมิดต์ (Eric Schmidt)
เป็นบุคคลที่ร่ำรวยติดอันดับในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลก ในฐานะประธานกรรมการบริหารบริษัทแม่ของกูเกิลอย่าง “อัลฟาเบ็ต อิงค์” ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปี 2558 และอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริการกูเกิลตั้งแต่ปี 2544–2554 ทำให้อีริกได้รับการยอมรับสูงในแง่ของประสบการณ์ที่โชกโชนด้านธุรกิจ รวมถึงการให้คำปรึกษาทรงพลังกับผู้ก่อตั้งกูเกิลทั้งเรื่องธุรกิจและนโยบาย

เราจะเห็นได้ว่า โลกจะต้องสนใจทุกครั้งที่อีริก ชมิดต์ออกมาให้คำแนะนำคนทำงานผ่านเวทีงานประชุมหรือในแวดวงสื่อต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีทั้งคำแนะนำสำหรับมืออาชีพที่เป็นเจ้านายตัวเอง มนุษย์เงินเดือน และบุคคลทั่วไป โดยเขามีหลักคิดที่เน้นการจุดประกายให้ทุกคนทำในสิ่งที่เชื่อมั่นอย่างเกาะติด แล้วลงมือทำด้วยความหลงใหล

แต่หนึ่งในคำแนะนำที่โดดเด่นของอีริก คือตอนที่เขาไปขึ้นเวทีที่มหาวิทยาลัยเท็กซัสเมื่อปี 2017 เวลานั้นอีริกให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่จากประสบการณ์ส่วนตัวในโลกธุรกิจ โดยบอกว่าถ้าใครไม่กระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นเพื่อเพิ่มพูนปัญญา คนนั้นจะล้มเหลว

อีริกไม่ได้ขู่ เพราะทุกคนที่อีริกเคยเห็นว่าล้มเหลวด้านธุรกิจ ล้วนเป็นคนที่ไม่ได้มีความอยากรู้อยากเห็น ในระดับเพียงพอที่จะตั้งคำถามกับไอเดียของคนอื่น รวมทั้งของตัวบริษัทเองด้วย
ตั้งคำถามแล้วหาคำตอบ
สำหรับโลกที่กำลังหมุนเข้าสู่ยุครถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง, ยุคเทคโนโลยีเสมือนจริง (virtual reality) , ยุคที่เราสามารถเพาะเนื้อจากแล็ปไว้เป็นอาหาร ยุคที่อาคารจะสร้างจากงานพิมพ์ 3 มิติ และยุคแห่งการเรียนรู้ของเครื่องจักร รวมถึงเทคโนโลยีอื่นที่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงโลกในอีก 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า อีริกยอมรับว่าอาชีพและกำไรชีวิตของเขาเกิดจากโอกาสที่ดีงาม ที่เขาได้มาในชีวิต ดังนั้นทุกคนจึงควรเรียนรู้ที่จะใช้โอกาสที่ดีงามที่มีในชีวิตของแต่ละคนให้ดีที่สุด แล้วถามตัวเองว่ามีความโชคดีอย่างไรและทำอะไรกับโอกาสนั้นได้บ้าง

คำแนะนำนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ครอบคลุมถึงทุกคนที่มีความสามารถตั้งคำถามกับโลกรอบตัว ซึ่งนักเรียนนักศึกษา และบุคคลทั่วไปก็สามารถทำได้

ในเรื่องนี้ อีริกอธิบายว่าตั้งแต่แรกเกิด เราทุกคนมักถูกสอนให้เชื่อในสิ่งที่พ่อแม่ เพื่อน และสังคมเชื่อตามๆ กันมา แต่ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทุกคนต้องเผชิญ คือความสามารถในการฟังและแยกแยะในสิ่งที่คนอื่นบอกให้เราคิด ในขณะเดียวกัน เราก็ยังสามารถเลือกทำในสิ่งที่เราคิดด้วยตัวเองได้สำเร็จ

ในวันที่โลกหมุนเร็ว และเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง อีริกมองว่า ผู้นำองค์กรในทุกวันนี้มักใช้แนวทางผลักดันให้พนักงานเรียนรู้และสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้นหนทางเดียวที่จะเติบโตและประสบความสำเร็จในฐานะผู้ประกอบการและในฐานะมนุษย์ คือความพยายามที่จะตอบคำถามหรือแก้ปัญหายากๆ ที่ทุกคนเผชิญร่วมกัน เนื่องจากปัจจุบัน ยังไม่มีองค์กรเทคโนโลยีรายใหญ่ใดที่สามารถตอบคำถามทุกข้อเกี่ยวกับวิธีช่วยเหลือผู้คนได้ แปลว่าจะดีมากถ้าคนหนุ่มสาวสามารถหาวิธีการใหม่ๆ ในการช่วยเหลือผู้คนที่กำลังต้องการความช่วยเหลือได้

เพียรทำให้ต่อเนื่อง
ในพอดคาสต์ อีริกย้ำว่า มีการศึกษาและวิจัยหลายต่อหลายครั้งที่พบว่า ความเพียรทำอย่างต่อเนื่อง จะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพียงสิ่งเดียวในอนาคต ส่งผลให้กูเกิลโฟกัสที่การมองหาความเพียรในตัวพนักงานใหม่อยู่เสมอ

ดังนั้นการรวมตัวกันอย่างเหมาะสมของความเพียรและความสงสัยใคร่รู้ จึงเป็นตัวทำนายความสำเร็จที่ดีมากของพนักงาน ในยุคแห่งระบบเศรษฐกิจความรู้หรือ Knowledge Economy

อีริกย้ำว่าไม่เพียงแต่บริษัทอินเทอร์เน็ตเท่านั้นที่มีโอกาสขยายตัวจนน่าไปร่วมงานเด้วย แต่บริษัทด้านพลังงาน ยา การผลิต โฆษณา สื่อ ความบันเทิง และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภค ล้วนมีโอกาสดีในตลาดและเหมาะที่จะไปร่วมงาน ขออย่างเดียวคือจงเลือกบริษัทที่เข้าใจเทคโนโลยี แล้วเรียนรู้จากบริษัทรวมถึงอุตสาหกรรมนั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ขณะเดียวกัน คนเป็นพนักงานก็ต้องไม่ลืมที่จะตั้งเป้าหมายใหม่ทุก 5 ปี และเตรียมพร้อมเพื่อเป้าหมายในปัจจุบันและอนาคตให้ได้ตลอดเวลา และหากมีโอกาสไปเริ่มงานใหม่ ก็จงกล้าที่จะออกจากคอมฟอร์ตโซนไปหาความท้าทายที่ใจรักด้วย

อีกคำแนะนำที่หลายคนยกนิ้วให้อีริกคือ การบอกให้ผู้คนปฏิเสธให้น้อยลง

เรื่องนี้อีริกชี้ให้เห็นถึงข้อดีของการตอบรับกับสิ่งใหม่มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการเปรียบเทียบว่าชีวิตคนนั้นเหมือนท่อระบายน้ำ สิ่งที่ไหลออกมาล้วนขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราใส่เข้าไป

อีริกสอนถึงประเด็นนี้เพิ่มเติมว่า ขอให้ทุกคนลองหาวิธีที่จะพูดว่า “Yes” กับเรื่องต่างๆ ให้ถี่ขึ้น เช่น อาจจะเซย์เยสกับคำเชิญให้เดินทางไปยังประเทศใหม่ๆ หรือเซย์เยสเพื่อหาเพื่อนใหม่ รวมถึงการเซย์เยสเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ที่อาจเป็นวิธีที่ทำให้ได้งานแรกและงานต่อไป รวมถึงเรื่องของลูก และครอบครัวส่วนตัวด้วย

อย่าลืมนำคำแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้ เพราะคำแนะนำดีๆ ก็เหมือนทางลัดไปสู่ความสำเร็จแล้วระดับหนึ่ง

ที่มา : https://www.inc.com/john-eades/googles-erik-schmidt-just-revealed-the-secret-of-employee-success-here-it-is.html

Former Google CEO offers advice to young entrepreneurs

https://www.businessinsider.com/google-eric-schmidt-career-advice-young-professionals-2014-10
Created with