เจ.เค. โรว์ลิง (J.K. Rowling) กับที่สุดของคำแนะนำ

ที่สุดของคำแนะนำจาก J.K. Rowling เพื่อทุกคนที่อยากประสบความสำเร็จ
____

เรารู้ดีว่าชีวิตนักเขียนชื่อดังอย่าง เจ.เค. โรว์ลิง (J.K. Rowling) ผู้แต่งนิยายขายดีเรื่องแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ (Harry Potter) ไม่ได้มีแค่มุมที่รุ่งโรจน์อย่างที่เราเห็นๆ กัน แต่ชีวิตเธอก็เหมือนกับทุกคนที่เคยผ่านพบช่วงดำดิ่งมาก่อนที่จะดีดตัวขึ้นมาเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลก และสิ่งที่ทำให้เธอผ่านช่วงชีวิตที่ยากลำบากมาได้ก็คือการ “รักความล้มเหลว” ในสไตล์ของเธอ

อีกหนึ่งใจความที่ถูกยกให้เป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับคนที่อยากประสบความสำเร็จ ก็คือข้อความที่ เจ.เค เคยทวีตไว้เมื่อปี 2017 ที่กล่าวถึงความสำคัญของการสานต่องานให้เสร็จ ไม่ว่างานนั้นจะเคยป่นปี้จากคำพูดของใครต่อใครมาก่อนก็ตาม

ทวีตนี้มีคุณค่าไม่แพ้สุนทรพจน์ที่ เจ.เค. เคยกล่าวที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดช่วงปี 2008 โดยเธอยกให้ความล้มเหลวเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต เพราะมันทำให้ เจ.เค.รู้จักคุณค่าของตัวเองผ่านความยากลำบาก

— —

หนังสือชุด แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ โกยยอดขายมากกว่า 500 ล้านเล่มทั่วโลก ส่งผลให้นักเขียนอย่าง เจ.เค. โรว์ลิง มีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่หลายคนน่าจะรู้ดีอยู่แล้วจากสารพัดประวัติชีวิตที่ใครต่อใครเขียนถึงเธอว่า ก่อนที่จะออกหนังสือเรื่องแฮร์รี่ พ็อตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ เจ.เค.เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดิ้นรนใช้ชีวิตวันต่อวัน เดือนต่อเดือนจากสวัสดิการรัฐ และต้นฉบับแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ก็เคยถูกปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วนจากสำนักพิมพ์มากมาย กว่าสำนักพิมพ์อย่าง Bloomsbury จะหยิบต้นฉบับมาขัดเกลาและเจียระไนให้เป็นเพชรเม็ดงามของวงการหนังสือ
Scholasti

แน่นอนว่า เจ.เค.ไม่ได้ปกปิดช่วงเวลาที่ชีวิตยากลำบากของเธอ แต่พยายามสะท้อนภาพชีวิตช่วงกัดก้อนเกลือกินเพื่อจะได้แบ่งปันคำแนะนำให้คนทั่วโลกได้รับรู้ ประเด็นนี้ เจ.เค. เคยย้ำว่า ถ้าในตอนที่ยากลำบาก มีใครสักคนที่ผ่านจุดนี้มาแล้ว เดินมาบอกเธอตรงๆ ว่า “เธอจะล้มเหลวนะ เรื่องนี้เลี่ยงไม่ได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะจัดการกับมันยังไง” มันคงมีประโยชน์มากทีเดียว

ด้วยเหตุนี้ทำให้ เจ.เค. พยายามพูดถึง ‘พลังของความล้มเหลว’ มาตลอดหลายสิบปี ตัวอย่างเช่นการกล่าวสุนทรพจน์ในปี 2008 ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บนเวทีนั้น เจ.เค. บอกว่าหลังจากชีวิตแต่งงานพังทลาย เธอก็ไม่มีงานทำ กลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยากจนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ดีที่ยังไม่ต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นคือความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เธอเคยรู้จัก แต่มาวันนี้ เธอคิดว่าความล้มเหลวในชีวิตช่วงแรกคือ “ของขวัญ” ที่ถือเป็น “ชัยชนะบนความเจ็บปวด”ที่สำคัญ นี่คือบทเรียนที่มีค่าเกี่ยวกับตัวเองและคนรอบตัว
นอกจากสุนทรพจน์ครั้งนี้ เจ.เค. ยังเดินหน้าบอกเล่าวิธีการโอบกอดความล้มเหลวทุกครั้งที่มีโอกาส เห็นได้ชัดจากทวิตเตอร์ของเธอเมื่อเดือนเมษายน ปี 2017 ซึ่งถือว่านั่นคือทวีตที่ปลุกใจคนที่กำลังเผชิญกับความยากลำบากเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะเพื่อนๆ นักเขียน

โดยทวีตทรงคุณค่านี้เริ่มต้นเมื่อเจ.เค.ตอบทวีตจากเพื่อนนักเขียนชื่อเมลานี ไดโอนี โดยก่อนหน้านี้เมลานีทวีตไว้ว่า

“เฮ้ ฟังนะ! คนที่กำลังทำงานอะไรบางอย่างอยู่แล้วคิดว่า ‘ไม่มีใครอยากดูอยากอ่านหรอก’ จงทำต่อให้เสร็จ ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม”

ข้อความนี้โดนใจเจ.เค. มากๆ จนทำให้เธอรีทวีตพร้อมกับกล่าวเพิ่มเติมว่า

“มีหลายครั้งในช่วงยุค 90 ที่ฉันต้องการให้ใครสักคนมาพูดแบบนี้กับฉัน มันเป็นคำแนะนำที่ดีมาก”

เจ.เค. พยายามสนับสนุนให้นักเขียนลงมือทำโปรเจ็กต์ของตัวเองให้จบ โดยอธิบายว่าแม้งานนั้นจะเป็นงานที่ไม่มีใครเหลียวแล แต่มันก็จะสอนให้เรียนรู้หลายอย่าง ในแบบที่ไม่มีใครมาสอนคุณได้ ที่สำคัญ เจ.เค.ตอกย้ำด้วยว่า ต่อให้คุณเขียนงานที่ไม่มีใครอ่าน ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะสรุปว่างานนั้นเป็นงานที่ไม่ได้เรื่อง

นอกเหนือไปจากนั้น การสร้างสรรค์ผลงานให้เสร็จ ก็ยิ่งส่งผลให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง ทำให้เรามีกำลังใจที่จะรับมือกับงานอื่นๆ ต่อไปในอนาคต (พูดง่ายๆ คือดีกว่าหันมามองดูงานแล้วรู้สึกว่า ไอ้นั่นก็ไม่เสร็จ ไอ้นี่ก็ค้างคาอยู่)

เจ.เค.บอกด้วยว่าต่อให้งานชิ้นแรก ไม่ดัง ไม่ปังมาก แต่ใครจะรู้ว่างานชิ้นที่ 3, 4 หรือ 5 ของเราอาจประสบผลสำเร็จและบรรลุถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ทุกคนจะไปถึงจุดนั้นไม่ได้ถ้าไม่ทำให้งานชิ้นที่ 1 หรือ 2 เสร็จสิ้นเสียก่อน

ตรงนี้เราว่าเป็นคำแนะนำที่ดีมาก เหมือนที่มีใครเคยบอกว่า

ก่อนจะคิดถึงคำว่าก้าวหน้า เอาก้าวแรกให้ผ่านก่อน

J.K. Rowling แนะนำว่า “ห้ามยอมแพ้“
แม้ว่าทวีตเหล่านี้ เจ.เค.จะพูดถึงคนที่ทำงานสร้างสรรค์ โดยเฉพาะนักเขียนทั้งหลาย แต่สิ่งเหล่านี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับคนทุกสาขาอาชีพอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ดี เมื่อคุณลงมือทำสิ่งใดไปแล้ว สิ่งที่ต้องมีตามมาหลังจากนั้นก็คือ ความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ ซึ่งแน่นอนว่า เจ.เค. ไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้ เพราะนักจิตวิทยาอย่างแองเจลา ดักเวิร์ธ (ผู้เขียนหนังสือขายดีเรื่อง Grit) ก็ยืนยันความคิดนี้หลังจากใช้เวลาศึกษาค้นคว้านานหลายปีจนพบว่า พรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษนั้นเป็นเพียงปัจจัยข้อเดียวที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้มีความสามารถพิเศษใดๆ เลย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความเพียรพยายาม เพราะความเพียรพยายามคือปัจจัยตัดสินว่าใครจะบรรลุเป้าหมายในชีวิตที่ตั้งใจไว้หรือไม่ เพราะต่อให้มีพรสวรรค์ แต่หากปราศจากความพยายามแล้ว พรสวรรค์นั้นก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าศักยภาพที่ไม่มีใครเห็น

ก่อนหน้านี้ เจ.เค. เคยให้สัมภาษณ์กับรายการ Today ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ว่าโลกเรายังพูดถึงความล้มเหลวน้อยเกินไป ทั้งที่ความล้มเหลวสามารถช่วยสร้างพลังให้ทุกคนลุกขึ้นมาจัดการชีวิตได้หลังจากผ่านสถานการณ์เลวร้ายมาแล้ว

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนนวนิยาย ก่อร่างสร้างกิจการ หรือทำอะไรก็ตาม ขอให้ลงมือทำ และมุ่งมั่นทำไปโดยไม่ยอมแพ้ ต่อให้ล้มกี่ครั้ง ก็ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด โอบกอดความล้มเหลว และลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่เชื่อมั่นต่อไป

“เพราะสิ่งที่ได้มาโดยยากนั้น ให้บทเรียนที่มีค่าเสมอ”

ที่มา : https://www.inc.com/business-insider/25-successful-leaders-give-their-best-career-advice-for-millenials.html

https://www.cnbc.com/2017/04/05/j-k-rowlings-best-advice-for-anyone-determined-to-succeed.html
Created with