ยุค Digital Disruption นักการตลาดต้องเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริง
ยุค Digital Disruption เป็นยุคที่ทุกคนต่างมีจอเป็นของตัวเอง การสื่อสารไปถึงลูกค้านั้น จะใช้เพียงเครื่องมือเข้ามาช่วยยิงโฆษณานั้นไม่พออีกต่อไป เพราะคู่แข่งสามารถใช้เครื่องมือชนิดเดียวกันและทำได้เหมือนกัน ฉะนั้นแบรนด์จำเป็นต้องเข้าใจลูกค้าจริงๆ
การตลาดในแต่ละช่วงเวลาจะมีกลยุทธ์ของมัน นักการตลาดต้องอัปเดตความรู้ใหม่ๆ สิ่งที่ธุรกิจมักจะพลาดกับการทำการตลาดออนไลน์คือ ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ สุดท้ายแล้วยอดขายก็ตก
ยกตัวอย่าง เช่น ธุรกิจที่เคยทำยอดขายได้ 10 ล้านบาทจากรายได้ 1 ช่องทาง และเขายึดติดกับการขายช่องทางเดียวมาโดยตลอด เพราะเชื่อว่าจะสร้างยอดขายได้ในอนาคต แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลยุทธ์ที่เคยใช้ได้ผลนั้นกลับใช้ไม่ได้แล้ว เพราะคู่แข่งใหม่ๆ ที่เข้ามาต่างใช้วิธีการเดียวกันหมด
เพราะฉะนั้นธุรกิจจะต้องมองการหารายได้ทางอื่นในยุค Digital Disruption เพราะเทรนด์มันเปลี่ยนตลอด ซึ่งการที่แบรนด์ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ เมื่อเจอกับวิกฤตและจะมาดิ้นรนในนาทีที่ธุรกิจเป็นขาลง ก็จะไปต่อไม่ถูก เพราะวิธีอื่นที่ได้ผลดีมันเป็นขาขึ้นไปแล้ว และคู่แข่งทำไปหมดแล้ว
“การที่คุณยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ก็เหมือนกับการเป็นดาราค้างฟ้า ในขณะที่มีดารารุ่นใหม่เข้ามาดังตัดหน้าไปหมดแล้ว” เจมส์ – ธีรานนท์ ศิริกุลพิริยะ ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ นักวางแผนการตลาด และยังเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจหลากหลายรูปแบบกล่าวกับ SHiFT Your Future
เจมส์ – ธีรานนท์ ยังแนะนำต่อว่า บางธุรกิจเปิดมาแล้วพยายามขายสินค้าทุกช่องทาง แต่จริงๆ แล้วธุรกิจควรเลือกสักช่องทางหนึ่ง และทำให้มันสำเร็จใน 3-6 เดือน ถ้าทำแล้วไม่ดีค่อยเปลี่ยน เพราะการทำการตลาดมันต้องใช้เวลา แต่ถ้าช่องทางแรกสำเร็จ ก็ให้นำทุนที่ได้มาไปต่อทุน คือ นำเงินไปขยายช่องทางใหม่เพื่อให้ธุรกิจมีขาที่ 2 ขาที่ 3 และ 4 ต่อไป
การตลาดในแต่ละช่วงเวลาจะมีกลยุทธ์ของมัน นักการตลาดต้องอัปเดตความรู้ใหม่ๆ สิ่งที่ธุรกิจมักจะพลาดกับการทำการตลาดออนไลน์คือ ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ สุดท้ายแล้วยอดขายก็ตก
ยกตัวอย่าง เช่น ธุรกิจที่เคยทำยอดขายได้ 10 ล้านบาทจากรายได้ 1 ช่องทาง และเขายึดติดกับการขายช่องทางเดียวมาโดยตลอด เพราะเชื่อว่าจะสร้างยอดขายได้ในอนาคต แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลยุทธ์ที่เคยใช้ได้ผลนั้นกลับใช้ไม่ได้แล้ว เพราะคู่แข่งใหม่ๆ ที่เข้ามาต่างใช้วิธีการเดียวกันหมด
เพราะฉะนั้นธุรกิจจะต้องมองการหารายได้ทางอื่นในยุค Digital Disruption เพราะเทรนด์มันเปลี่ยนตลอด ซึ่งการที่แบรนด์ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ เมื่อเจอกับวิกฤตและจะมาดิ้นรนในนาทีที่ธุรกิจเป็นขาลง ก็จะไปต่อไม่ถูก เพราะวิธีอื่นที่ได้ผลดีมันเป็นขาขึ้นไปแล้ว และคู่แข่งทำไปหมดแล้ว
“การที่คุณยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ก็เหมือนกับการเป็นดาราค้างฟ้า ในขณะที่มีดารารุ่นใหม่เข้ามาดังตัดหน้าไปหมดแล้ว” เจมส์ – ธีรานนท์ ศิริกุลพิริยะ ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ นักวางแผนการตลาด และยังเป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจหลากหลายรูปแบบกล่าวกับ SHiFT Your Future
เจมส์ – ธีรานนท์ ยังแนะนำต่อว่า บางธุรกิจเปิดมาแล้วพยายามขายสินค้าทุกช่องทาง แต่จริงๆ แล้วธุรกิจควรเลือกสักช่องทางหนึ่ง และทำให้มันสำเร็จใน 3-6 เดือน ถ้าทำแล้วไม่ดีค่อยเปลี่ยน เพราะการทำการตลาดมันต้องใช้เวลา แต่ถ้าช่องทางแรกสำเร็จ ก็ให้นำทุนที่ได้มาไปต่อทุน คือ นำเงินไปขยายช่องทางใหม่เพื่อให้ธุรกิจมีขาที่ 2 ขาที่ 3 และ 4 ต่อไป
“ไม่เข้าใจลูกค้า” ความผิดพลาดของการยิงโฆษณา
นอกจากการขยายช่องทางใหม่ๆ ที่ธุรกิจควรทำแล้ว เจมส์ – ธีรานนท์ ยังให้มุมมองของการโฆษณาด้วยว่า โฆษณาเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยสื่อสารสิ่งที่แบรนด์ต้องการ ซึ่งถ้าจะทำให้ได้ตามกลยุทธ์ที่วางไว้ แบรนด์จะต้องเข้าใจลูกค้าจริงๆ สามารถทำ Retargeting หรือการยิงหาลูกค้าเก่าเพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ
ซึ่งสิ่งที่แบรนด์มักจะพลาดในการยิงโฆษณา คือ ไม่เข้าใจลูกค้า แต่กลับโทษว่าโฆษณาไม่เวิร์ค คอนเทนต์ไม่โดน และตกอยู่ในวังวนของการปรับคอนเทนต์ ปรับโฆษณา
“อีกส่วนหนึ่ง แบรนด์มักจะมองว่า ลูกค้าคือทุกคนในโลก ซึ่งมันไม่จริง ถามว่ามันจริงได้ไหม ก็อาจจะได้ ถ้าคุณมีงบประมาณมากพอจะโฆษณาให้คนทั้งโลกเห็นได้ ถ้ามีมากไม่พอก็คือไม่จริง” เจมส์ กล่าว
ทั้งนี้ เจมส์ ทิ้งท้ายว่า การทำธุรกิจในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนั้น เจ้าของกิจการมีหน้าที่เป็นวิสัยทัศน์ให้องค์กร ต้องคอยมองหาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ และเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริงธุรกิจจึงจะไปต่อได้ ด้านองค์กรที่ไม่มี Passion กับการทำธุรกิจ แต่เข้ามาเพราะหวังรวยแบบฉาบฉวย สุดท้ายก็จะไปไม่รอด
บทสัมภาษณ์อื่นๆ ที่น่าสนใจ
Marketing Automation การบริหารยอดขายด้วย “ข้อมูล” และ “เทคโนโลยี”
เจมส์ – ธีรานนท์ กับภารกิจส่งต่อความรู้ Digital Marketing ให้เข้าใจง่าย
นอกจากการขยายช่องทางใหม่ๆ ที่ธุรกิจควรทำแล้ว เจมส์ – ธีรานนท์ ยังให้มุมมองของการโฆษณาด้วยว่า โฆษณาเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยสื่อสารสิ่งที่แบรนด์ต้องการ ซึ่งถ้าจะทำให้ได้ตามกลยุทธ์ที่วางไว้ แบรนด์จะต้องเข้าใจลูกค้าจริงๆ สามารถทำ Retargeting หรือการยิงหาลูกค้าเก่าเพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ
ซึ่งสิ่งที่แบรนด์มักจะพลาดในการยิงโฆษณา คือ ไม่เข้าใจลูกค้า แต่กลับโทษว่าโฆษณาไม่เวิร์ค คอนเทนต์ไม่โดน และตกอยู่ในวังวนของการปรับคอนเทนต์ ปรับโฆษณา
“อีกส่วนหนึ่ง แบรนด์มักจะมองว่า ลูกค้าคือทุกคนในโลก ซึ่งมันไม่จริง ถามว่ามันจริงได้ไหม ก็อาจจะได้ ถ้าคุณมีงบประมาณมากพอจะโฆษณาให้คนทั้งโลกเห็นได้ ถ้ามีมากไม่พอก็คือไม่จริง” เจมส์ กล่าว
ทั้งนี้ เจมส์ ทิ้งท้ายว่า การทำธุรกิจในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนั้น เจ้าของกิจการมีหน้าที่เป็นวิสัยทัศน์ให้องค์กร ต้องคอยมองหาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ และเข้าใจลูกค้าอย่างแท้จริงธุรกิจจึงจะไปต่อได้ ด้านองค์กรที่ไม่มี Passion กับการทำธุรกิจ แต่เข้ามาเพราะหวังรวยแบบฉาบฉวย สุดท้ายก็จะไปไม่รอด
บทสัมภาษณ์อื่นๆ ที่น่าสนใจ
Marketing Automation การบริหารยอดขายด้วย “ข้อมูล” และ “เทคโนโลยี”
เจมส์ – ธีรานนท์ กับภารกิจส่งต่อความรู้ Digital Marketing ให้เข้าใจง่าย
อัปเดตคอร์สใหม่และส่วนลดคอร์สต่างๆ
Thank you!
Policy Pages
Copyright © 2022
รับสิทธิพิเศษก่อนใคร แอดไลน์ @shiftyourfuture