Lifelong Learning ถ้าอยากเรียนรู้ตลอดชีวิต เราเรียนจากไหนได้บ้าง?
In Summary
หลายคนอาจคิดว่าเมื่อเราเรียนจบมัธยม เท่ากับการเรียนรู้ของเราจบสิ้นลงแล้ว แต่จริงๆ แล้วนั่นเป็นความเข้าใจที่อาจไม่ถูกต้องไปซะหมด และนั่นอาจเป็นความเชื่อที่ปิดกั้นโอกาสหลายๆ อย่างของเรา
แน่นอนว่าการศึกษาภาคบังคับสำหรับหลายคน อาจจะจบตั้งแต่มหาวิทยาลัยหรือมัธยมต้นแล้ว แต่การเรียนในโรงเรียนเป็นเพียงแค่ทางเลือกหนึ่งของการศึกษาเท่านั้น เราเองเลือกที่จะเรียนรู้ได้เรื่อยๆ ตลอดชีวิต และการเรียนรู้จะทำให้เราเป็นเด็กอยู่เสมอ เพราะทุกอย่างสามารถพัฒนาได้เหมือนเด็กน้อยที่หัดเขียน ก.ไก่ อีกครั้ง
‘Lifelong Learning’ หรือแปลตรงตัวเป็นภาษาไทยว่า ‘การเรียนรู้ตลอดชีวิต’ คือเทรนด์ที่กำลังมาแรงมากในปัจจุบัน คอนเซปต์ง่ายๆ ของการเรียนรู้ตลอดชีวิตคือการมีทัศนคติที่พร้อมจะเรียนรู้ตลอดเวลาทั้งในเรื่องสกิลการจัดการชีวิตตัวเอง และสกิลการทำงาน เป็นการแพสชันในการเรียนรู้ตลอดเวลา และเรียนรู้อย่างจงใจและตั้งใจ ไม่ใช่แค่รู้ผ่านตาแล้วผ่านไป
Photo from: Unsplash
ประโยชน์ของการเรียนรู้เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว ยิ่งเราเรียนมาก รู้มาก รู้หลากหลาย โอกาสในชีวิตเราก็จะเพิ่มขึ้น ช่วยให้เราเข้าใจสิ่งต่างๆ รอบตัว หรือแม้แต่เอาตัวรอดได้เก่งขึ้น ลองจินตนาการว่าเราติดเกาะคนเดียวกับอากาศที่เริ่มเย็นลง ถ้าเรารู้วิธีก่อกองไฟ คืนนี้คงไม่ต้องนอนหนาวตาย แล้วการก่อกองไฟก็ไม่ใช่ทักษะที่มีติดตัวเราตั้งแต่เกิด แต่คือทักษะที่เราไปเรียนรู้มาเพิ่มเติมนั่นเอง
การเรียนรู้จะเพิ่มโอกาสในหน้าที่การงาน ในการประสบความสำเร็จ และเมื่อเราอยากรู้อยากเห็น และพร้อมจะเรียนรู้ตลอดเวลา ชีวิตโดยเฉลี่ย 73 ปีของเราก็จะไม่น่าเบื่อ แต่จะน่าตื่นเต้นเพราะเราเจอเรื่องใหม่ๆ ให้ทำตลอด เรียกได้ว่าสนุกเหมือน 14 อีกครั้งได้ด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต
แล้วเราจะเรียนรู้จากอะไรไดบ้าง ถ้าไม่ใช่จากในโรงเรียน?
หลายคนที่คุ้นชินกับการเรียนในระบบการศึกษาทั่วไปอาจเกิดคำถามนี้ ซึ่งเราว่ามันเป็นคำถามที่มีประโยชน์มาก เพราะคนที่พอรู้จักคอนเซปต์ของ Lifelong Learning อยู่แล้ว เมื่อมาเจอบทความนี้ อาจได้รู้จักแนวทางการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อนก็เป็นได้
Photo from: Unsplash
เรียนด้วยการอ่านหนังสือ
นี่คือหนึ่งทางในการเรียนรู้ที่ง่ายดายที่สุด เพราะต้องการแค่ตัวเรา และหนังสือในมือเล่มเดียว หนังสือคือตัวแทนของการเรียนรู้อยู่แล้ว เพราะตลอดชีวิตการเรียนในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยของเราก็มีส่วนประกอบหลักคือหนังสือ หนังสือคือขุมทรัพย์ทางปัญญาที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย รอให้เราได้หยิบมันเติมลงไปในสมอง
การเรียนรู้ด้วยหนังสือไม่ได้จำกัดแค่การอ่านหนังสือเชิงวิชาการ ความรู้รอบตัว หรือประวัติศาสตร์เท่านั้น แน่นอนว่าอ่านหนังสือแบบนั้นเราก็จะได้เกร็ดความรู้แบบตรงๆ แต่เราก็สามารถได้ความรู้ทางอ้อมได้จากการอ่านหนังสือนิยายที่ชวนให้เราขบคิดถึงแนวคิดเบื้องหลังของตัวละคร หลักการหรือหลักปรัชญาที่ซ่อนอยู่ที่อาจให้เราได้เรียนรู้ข้อคิดใหม่ๆ ที่มาใช้พัฒนาตนเองได้
เราไม่จำเป็นต้องซื้อหนังสือทุกเล่มที่ต้องการก็ได้ ลองไปหายืมที่ห้องสมุด หรือในยุคดิจิทัลแบบนี้ การอ่านบทความออนไลน์ต่างๆ ก็ถือเป็นหนังสือเหมือนกัน ต่างแค่เป็นเรื่องที่สั้นกว่า และเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ เห็นมั้ย? แค่ไถหน้าฟีดก็ได้ความรู้แล้ว
Photo from: Unsplash
เรียนด้วยการเดินทาง
การเดินทางคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ เพราะไปในที่แปลกใหม่ ทั้งในและต่างประเทศ เปิดโอกาสให้เราได้เจอผู้คนใหม่ๆ ที่ต่างกับเรามากกว่าแค่บ้านคนละหลัง แต่ต่างกันลงไปในเชิงลึกทั้งเรื่องวัฒนธรรม เรื่องพื้นฐานวิธีคิด เรื่องไลฟ์สไตล์ เรื่องอาหารการกิน ที่เราต้องเรียนรู้เพื่อใช้ชีวิต หรือแม้แต่ค้างแรมในบ้านเมืองของเขา
การได้พบเจอเรื่องแปลกใหม่เป็นเหมือนการออกกำลังกายให้สมองเราได้ทำงานโดยการประมวล และจดจำข้อมูลใหม่ตลอดเวลา ทำให้สมองเราไม่ฝ่อ และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไม หลายคนถึงเสพติดการเดินทางท่องโลกกันนัก เพราะการเดินทางทำให้พวกเขาได้เรียนรู้อย่างตื่นเต้นตลอดเวลา
Photo from: Unsplash
เรียนด้วยการพูดคุยกับผู้คน
การได้พูดคุยกับคนใหม่ๆ ก็คล้ายกับข้อการเดินทางข้างต้น เพราะการพูดคุยกับคนที่เราไม่รู้จักมาก่อน แน่นอนว่าเขาต้องให้ข้อมูล หรือเล่าเรื่องราวอะไรบางอย่างที่ชีวิตนี้เราไม่เคยรู้มาก่อน ถึงแม้อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ เกี่ยวกับชีวิตเขาที่เราได้จากการไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบตามมารยาท แต่เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เรื่องเล็กๆ จะกลายเป็นฟืนจุดประกายให้แรงบันดาลใจใหม่ๆ กับเรา ดังนั้น ฝึกคุยกับคนแปลกหน้าให้เยอะขึ้น แล้วคุณจะรู้ว่าคุณป้าร้านกาแฟหน้าปกซอยอาจมีประสบการณ์หรือข้อคิดดีๆ ที่รอให้เราไปถามอยู่
Photo from: Unsplash
เรียนทักษะพิเศษเพิ่มเติมตามสถาบันต่างๆ
ถ้าอยู่บ้านว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ลองไปหาอะไรเรียนเพิ่มกันดูมั้ย ปัจจุบันนี้มีสถาบันที่เปิดสอนเกือบจะครบทุกทักษะที่เราต้องการแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทักษาะด้านภาษาไทย จีน ญี่ปุ่น หรือจะเอาแปลกกว่านั้นเช่นภาษาที่ไม่ค่อยฮิตนัก อย่างอียิปต์ ถ้าคุณอยากเรียนจริงๆ ก็ใช่ว่าจะหาไม่ได้ หรือจะเป็นทักษาะทางด้านดนตรี ด้านการทำอาหาร ด้านกีฬา ด้านงานฝีมือ ด้านการออกกำลังกาย ทั้งหมดนี้เราสามารถเลือกได้ตามใจชอบ อยากเรียนอะไรก็เสิร์ชเข้าไปใน Google แค่นี้ก็โผล่มาให้เลือกกันไม่หวั่นไม่ไหว
Photo from: Unsplash
เรียนคอร์สออนไลน์ อยู่บ้านสบายแถมได้เรียนไปด้วย
เมื่อทุกอย่างกลายเป็นดิจิทัล การเรียนก็ปรับตัวตามเช่นกัน ปัจจุบันนี้คอร์สออนไลน์ที่เราสามารถหนังเรียนจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่บ้านได้มีให้เลือกเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นจากเว็บไซต์ชื่อดังของต่างประเทศ เช่น Coursesera ที่รวบรวมคอร์สดีๆ จากมหาวิทยาลัยดัง หรือเชิญวิทยากรที่เชี่ยวชาญในด้านนั้นมาสอน บางคอร์สถึงกับให้เรียนฟรีพร้อมใบประกาศนียบัตรยืนยันว่าเราเรียนมาแล้วจริงๆ ซึ่งเอาไปอัพโปรไฟล์ในเรซูเมสมัครงานของเราได้อีก
ปัจจุบันนี้ คอร์สออนไลน์ก็ไม่ได้หยุดที่แค่วิชาทั่วไป ไทย สังคม อังกฤษ แต่ลามไปถึงวิชาแปลกๆ ใหม่ๆ มากมาย ทั้งวิชา ทักษะการเป็นตัวตลก (แบบอาชีพตัวตลกจริงๆ) วิธีสื่อสารกับสัตว์ หรือปรัชญากับซูเปอร์ฮีโร ซึ่งคุณหาเรียนทั้งหมดนี้ได้ในอินเทอร์เน็ต
หรือถ้าใครอยากหาเรียนคอร์สออนไลน์ที่ใกล้ตัวของคนไทย แถมมีวิชาแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร เราขอแนะนำคอร์สเรียนจาก SHiFT ACADEMY ของเรา ที่คัดสรรมาแล้วอย่างดีว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ไม่ซ้ำซาก ใช้งานได้จริง และสอนโดยวิทยาการที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นจริง ด้วยความที่ว่าเราสามารถ “ยกระดับชีวิตด้วยความรู้และทักษะอนาคต” ได้
สำหรับคอร์สที่เปิดตัวแล้วตอนนี้เป็นคอร์สที่ออกแบบมาสำหรับคนที่ไม่มีความสุขกับชีวิตการทำงานโดยเฉพาะ แค่คำโปรยก็น่าสนใจแล้ว มาทำความรู้จักกับคอร์สของเรากันดีกว่า
คอร์ส ‘Designing Your Work Life: ออกแบบชีวิตการทำงานให้ลงตัว ‘เปลี่ยนคุณเป็น ‘นักออกแบบ’ ที่จะออกแบบชีวิตตัวเองได้ในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใจตัวเอง รู้จักความต้องการของตัวเอง และวาดภาพชีวิตของตัวเองได้อย่างเป็นระบบ รู้จักจัดการอุปสรรคและรับมือกับความผิดพลาดให้เป็น รู้จักการจัดการกับงานกองเท่าภูเขาที่ดูดกลืนชีวิตเราไป และรู้จักการลาออกที่ดีว่าเมื่อไหร่ควรทำ และทำอย่างไร ทั้งหมดนี้สอนโดยการใช้เครื่องมือทางจิตวิทยาที่พาคุณเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ระดับจิตใจ ไปจนถึง เวิร์กช็อปที่พาคุณปฏิบัติจริงไปพร้อมๆ กัน
สอนโดย ดร. เพิ่มสิทธิ์ นำประสิทธิ์ผล (ดร.ปัง) นักจิตวิทยาที่ปรึกษาที่คอยให้คำปรึกษาและเป็นเทรนเนอร์ให้องค์กรในเรื่อง Design Thinking และวิทยากรที่ได้รับการรับรองเพียงคนเดียวในประเทศไทยจาก บิล เบอร์เนตต์ (Bill Burnett) และ เดฟ อีวานส์ (Dave Evans) ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบชีวิตผู้เขียน Designing Your Life และ Designing Your Work Life หนังสือขายดีติดอันดับ New York Times ที่สร้างความฮือฮามาแล้วทั่วโลก
เรียนผ่านระบบการเรียนออนไลน์ของ SHiFT ACADEMY ที่มาพร้อมรูปแบบการเรียนที่เข้าใจง่าย เรียนออนไลนได้ทุกที่ทุกเวลา เรียนซ้ำได้เท่าที่ต้องการ สมัครเลยวันนี้
Source
- Lifelong Learning หรือการเรียนรู้ตลอดชีวิตคือเทรนด์ที่กำลังฮอตฮิต เพราะหลายคนมักจะเข้าใจว่าการเรียนรู้จบแค่ในห้องเรียน แต่จริงๆ ห้องเรียนเป็นแค่หนึ่งในช่องทางเรียนรู้เท่านั้น ยังมีอีกหลายวิธีที่เราทำได้
- การเรียนรู้ช่วยเพิ่มโอกาสในชีวิตเราได้อีกหลายอย่าง การมีความรู้มากขึ้นทำให้เรามีโอกาสในหน้าที่การงานที่กว้างขวางขึ้น มีโอกาสประสบความเร็จในชีวิตมากขึ้น ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและตื่นเต้นได้ตลอดเวลา เพราะสมองเราได้รับข้อมูลใหม่ๆ ทุกครั้ง
- เราสามารถเรียนรู้ได้จากการอ่านหนังสือ การอ่านบทความออนไลน์ การเดินทางท่องเที่ยวไปในที่แปลกใหม่ การพบปะผู้คนใหม่ๆ หรือการเรียนทักษะพิเศษเพิ่มเติม ทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์ รวมไปถึงการเรียนที่ SHiFT ACADEMY เช่นกัน
หลายคนอาจคิดว่าเมื่อเราเรียนจบมัธยม เท่ากับการเรียนรู้ของเราจบสิ้นลงแล้ว แต่จริงๆ แล้วนั่นเป็นความเข้าใจที่อาจไม่ถูกต้องไปซะหมด และนั่นอาจเป็นความเชื่อที่ปิดกั้นโอกาสหลายๆ อย่างของเรา
แน่นอนว่าการศึกษาภาคบังคับสำหรับหลายคน อาจจะจบตั้งแต่มหาวิทยาลัยหรือมัธยมต้นแล้ว แต่การเรียนในโรงเรียนเป็นเพียงแค่ทางเลือกหนึ่งของการศึกษาเท่านั้น เราเองเลือกที่จะเรียนรู้ได้เรื่อยๆ ตลอดชีวิต และการเรียนรู้จะทำให้เราเป็นเด็กอยู่เสมอ เพราะทุกอย่างสามารถพัฒนาได้เหมือนเด็กน้อยที่หัดเขียน ก.ไก่ อีกครั้ง
‘Lifelong Learning’ หรือแปลตรงตัวเป็นภาษาไทยว่า ‘การเรียนรู้ตลอดชีวิต’ คือเทรนด์ที่กำลังมาแรงมากในปัจจุบัน คอนเซปต์ง่ายๆ ของการเรียนรู้ตลอดชีวิตคือการมีทัศนคติที่พร้อมจะเรียนรู้ตลอดเวลาทั้งในเรื่องสกิลการจัดการชีวิตตัวเอง และสกิลการทำงาน เป็นการแพสชันในการเรียนรู้ตลอดเวลา และเรียนรู้อย่างจงใจและตั้งใจ ไม่ใช่แค่รู้ผ่านตาแล้วผ่านไป
Photo from: Unsplash
ประโยชน์ของการเรียนรู้เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว ยิ่งเราเรียนมาก รู้มาก รู้หลากหลาย โอกาสในชีวิตเราก็จะเพิ่มขึ้น ช่วยให้เราเข้าใจสิ่งต่างๆ รอบตัว หรือแม้แต่เอาตัวรอดได้เก่งขึ้น ลองจินตนาการว่าเราติดเกาะคนเดียวกับอากาศที่เริ่มเย็นลง ถ้าเรารู้วิธีก่อกองไฟ คืนนี้คงไม่ต้องนอนหนาวตาย แล้วการก่อกองไฟก็ไม่ใช่ทักษะที่มีติดตัวเราตั้งแต่เกิด แต่คือทักษะที่เราไปเรียนรู้มาเพิ่มเติมนั่นเอง
การเรียนรู้จะเพิ่มโอกาสในหน้าที่การงาน ในการประสบความสำเร็จ และเมื่อเราอยากรู้อยากเห็น และพร้อมจะเรียนรู้ตลอดเวลา ชีวิตโดยเฉลี่ย 73 ปีของเราก็จะไม่น่าเบื่อ แต่จะน่าตื่นเต้นเพราะเราเจอเรื่องใหม่ๆ ให้ทำตลอด เรียกได้ว่าสนุกเหมือน 14 อีกครั้งได้ด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต
แล้วเราจะเรียนรู้จากอะไรไดบ้าง ถ้าไม่ใช่จากในโรงเรียน?
หลายคนที่คุ้นชินกับการเรียนในระบบการศึกษาทั่วไปอาจเกิดคำถามนี้ ซึ่งเราว่ามันเป็นคำถามที่มีประโยชน์มาก เพราะคนที่พอรู้จักคอนเซปต์ของ Lifelong Learning อยู่แล้ว เมื่อมาเจอบทความนี้ อาจได้รู้จักแนวทางการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อนก็เป็นได้
Photo from: Unsplash
เรียนด้วยการอ่านหนังสือ
นี่คือหนึ่งทางในการเรียนรู้ที่ง่ายดายที่สุด เพราะต้องการแค่ตัวเรา และหนังสือในมือเล่มเดียว หนังสือคือตัวแทนของการเรียนรู้อยู่แล้ว เพราะตลอดชีวิตการเรียนในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยของเราก็มีส่วนประกอบหลักคือหนังสือ หนังสือคือขุมทรัพย์ทางปัญญาที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย รอให้เราได้หยิบมันเติมลงไปในสมอง
การเรียนรู้ด้วยหนังสือไม่ได้จำกัดแค่การอ่านหนังสือเชิงวิชาการ ความรู้รอบตัว หรือประวัติศาสตร์เท่านั้น แน่นอนว่าอ่านหนังสือแบบนั้นเราก็จะได้เกร็ดความรู้แบบตรงๆ แต่เราก็สามารถได้ความรู้ทางอ้อมได้จากการอ่านหนังสือนิยายที่ชวนให้เราขบคิดถึงแนวคิดเบื้องหลังของตัวละคร หลักการหรือหลักปรัชญาที่ซ่อนอยู่ที่อาจให้เราได้เรียนรู้ข้อคิดใหม่ๆ ที่มาใช้พัฒนาตนเองได้
เราไม่จำเป็นต้องซื้อหนังสือทุกเล่มที่ต้องการก็ได้ ลองไปหายืมที่ห้องสมุด หรือในยุคดิจิทัลแบบนี้ การอ่านบทความออนไลน์ต่างๆ ก็ถือเป็นหนังสือเหมือนกัน ต่างแค่เป็นเรื่องที่สั้นกว่า และเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ เห็นมั้ย? แค่ไถหน้าฟีดก็ได้ความรู้แล้ว
Photo from: Unsplash
เรียนด้วยการเดินทาง
การเดินทางคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ เพราะไปในที่แปลกใหม่ ทั้งในและต่างประเทศ เปิดโอกาสให้เราได้เจอผู้คนใหม่ๆ ที่ต่างกับเรามากกว่าแค่บ้านคนละหลัง แต่ต่างกันลงไปในเชิงลึกทั้งเรื่องวัฒนธรรม เรื่องพื้นฐานวิธีคิด เรื่องไลฟ์สไตล์ เรื่องอาหารการกิน ที่เราต้องเรียนรู้เพื่อใช้ชีวิต หรือแม้แต่ค้างแรมในบ้านเมืองของเขา
การได้พบเจอเรื่องแปลกใหม่เป็นเหมือนการออกกำลังกายให้สมองเราได้ทำงานโดยการประมวล และจดจำข้อมูลใหม่ตลอดเวลา ทำให้สมองเราไม่ฝ่อ และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไม หลายคนถึงเสพติดการเดินทางท่องโลกกันนัก เพราะการเดินทางทำให้พวกเขาได้เรียนรู้อย่างตื่นเต้นตลอดเวลา
Photo from: Unsplash
เรียนด้วยการพูดคุยกับผู้คน
การได้พูดคุยกับคนใหม่ๆ ก็คล้ายกับข้อการเดินทางข้างต้น เพราะการพูดคุยกับคนที่เราไม่รู้จักมาก่อน แน่นอนว่าเขาต้องให้ข้อมูล หรือเล่าเรื่องราวอะไรบางอย่างที่ชีวิตนี้เราไม่เคยรู้มาก่อน ถึงแม้อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ เกี่ยวกับชีวิตเขาที่เราได้จากการไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบตามมารยาท แต่เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เรื่องเล็กๆ จะกลายเป็นฟืนจุดประกายให้แรงบันดาลใจใหม่ๆ กับเรา ดังนั้น ฝึกคุยกับคนแปลกหน้าให้เยอะขึ้น แล้วคุณจะรู้ว่าคุณป้าร้านกาแฟหน้าปกซอยอาจมีประสบการณ์หรือข้อคิดดีๆ ที่รอให้เราไปถามอยู่
Photo from: Unsplash
เรียนทักษะพิเศษเพิ่มเติมตามสถาบันต่างๆ
ถ้าอยู่บ้านว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ลองไปหาอะไรเรียนเพิ่มกันดูมั้ย ปัจจุบันนี้มีสถาบันที่เปิดสอนเกือบจะครบทุกทักษะที่เราต้องการแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทักษาะด้านภาษาไทย จีน ญี่ปุ่น หรือจะเอาแปลกกว่านั้นเช่นภาษาที่ไม่ค่อยฮิตนัก อย่างอียิปต์ ถ้าคุณอยากเรียนจริงๆ ก็ใช่ว่าจะหาไม่ได้ หรือจะเป็นทักษาะทางด้านดนตรี ด้านการทำอาหาร ด้านกีฬา ด้านงานฝีมือ ด้านการออกกำลังกาย ทั้งหมดนี้เราสามารถเลือกได้ตามใจชอบ อยากเรียนอะไรก็เสิร์ชเข้าไปใน Google แค่นี้ก็โผล่มาให้เลือกกันไม่หวั่นไม่ไหว
Photo from: Unsplash
เรียนคอร์สออนไลน์ อยู่บ้านสบายแถมได้เรียนไปด้วย
เมื่อทุกอย่างกลายเป็นดิจิทัล การเรียนก็ปรับตัวตามเช่นกัน ปัจจุบันนี้คอร์สออนไลน์ที่เราสามารถหนังเรียนจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่บ้านได้มีให้เลือกเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็นจากเว็บไซต์ชื่อดังของต่างประเทศ เช่น Coursesera ที่รวบรวมคอร์สดีๆ จากมหาวิทยาลัยดัง หรือเชิญวิทยากรที่เชี่ยวชาญในด้านนั้นมาสอน บางคอร์สถึงกับให้เรียนฟรีพร้อมใบประกาศนียบัตรยืนยันว่าเราเรียนมาแล้วจริงๆ ซึ่งเอาไปอัพโปรไฟล์ในเรซูเมสมัครงานของเราได้อีก
ปัจจุบันนี้ คอร์สออนไลน์ก็ไม่ได้หยุดที่แค่วิชาทั่วไป ไทย สังคม อังกฤษ แต่ลามไปถึงวิชาแปลกๆ ใหม่ๆ มากมาย ทั้งวิชา ทักษะการเป็นตัวตลก (แบบอาชีพตัวตลกจริงๆ) วิธีสื่อสารกับสัตว์ หรือปรัชญากับซูเปอร์ฮีโร ซึ่งคุณหาเรียนทั้งหมดนี้ได้ในอินเทอร์เน็ต
หรือถ้าใครอยากหาเรียนคอร์สออนไลน์ที่ใกล้ตัวของคนไทย แถมมีวิชาแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร เราขอแนะนำคอร์สเรียนจาก SHiFT ACADEMY ของเรา ที่คัดสรรมาแล้วอย่างดีว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ไม่ซ้ำซาก ใช้งานได้จริง และสอนโดยวิทยาการที่เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นจริง ด้วยความที่ว่าเราสามารถ “ยกระดับชีวิตด้วยความรู้และทักษะอนาคต” ได้
สำหรับคอร์สที่เปิดตัวแล้วตอนนี้เป็นคอร์สที่ออกแบบมาสำหรับคนที่ไม่มีความสุขกับชีวิตการทำงานโดยเฉพาะ แค่คำโปรยก็น่าสนใจแล้ว มาทำความรู้จักกับคอร์สของเรากันดีกว่า
คอร์ส ‘Designing Your Work Life: ออกแบบชีวิตการทำงานให้ลงตัว ‘เปลี่ยนคุณเป็น ‘นักออกแบบ’ ที่จะออกแบบชีวิตตัวเองได้ในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นการเข้าใจตัวเอง รู้จักความต้องการของตัวเอง และวาดภาพชีวิตของตัวเองได้อย่างเป็นระบบ รู้จักจัดการอุปสรรคและรับมือกับความผิดพลาดให้เป็น รู้จักการจัดการกับงานกองเท่าภูเขาที่ดูดกลืนชีวิตเราไป และรู้จักการลาออกที่ดีว่าเมื่อไหร่ควรทำ และทำอย่างไร ทั้งหมดนี้สอนโดยการใช้เครื่องมือทางจิตวิทยาที่พาคุณเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ระดับจิตใจ ไปจนถึง เวิร์กช็อปที่พาคุณปฏิบัติจริงไปพร้อมๆ กัน
สอนโดย ดร. เพิ่มสิทธิ์ นำประสิทธิ์ผล (ดร.ปัง) นักจิตวิทยาที่ปรึกษาที่คอยให้คำปรึกษาและเป็นเทรนเนอร์ให้องค์กรในเรื่อง Design Thinking และวิทยากรที่ได้รับการรับรองเพียงคนเดียวในประเทศไทยจาก บิล เบอร์เนตต์ (Bill Burnett) และ เดฟ อีวานส์ (Dave Evans) ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบชีวิตผู้เขียน Designing Your Life และ Designing Your Work Life หนังสือขายดีติดอันดับ New York Times ที่สร้างความฮือฮามาแล้วทั่วโลก
เรียนผ่านระบบการเรียนออนไลน์ของ SHiFT ACADEMY ที่มาพร้อมรูปแบบการเรียนที่เข้าใจง่าย เรียนออนไลนได้ทุกที่ทุกเวลา เรียนซ้ำได้เท่าที่ต้องการ สมัครเลยวันนี้
Source
อัปเดตคอร์สใหม่และส่วนลดคอร์สต่างๆ
Thank you!
Policy Pages
Copyright © 2022
รับสิทธิพิเศษก่อนใคร แอดไลน์ @shiftyourfuture