เพราะเราเข้าใจดีถึงความเจ็บปวดของศิลปิน” เปิดใจ 2 ผู้ก่อตั้ง NFT1 กับภารกิจช่วยเหลือศิลปินตกอับให้มีที่ยืนในโลก NFT

ยิ่งโลกของคริปโตเคอร์เรนซี่พัฒนามากเท่าไหร่ ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ก็ยิ่งเกิดขึ้นมากเท่านั้น ตลอดปีที่ผ่านกระแสความนิยมของ NFT หรือ Non Fungible Tokens กลายเป็นที่จับตาเพราะพิสูจน์ให้เห็นว่า นี่คือช่องทางสำคัญในการทำเงินให้กับศิลปินจำนวน ที่อาจตกอับมาโดยตลอดในโลกแห่งความเป็นจริง แต่สามารถลืมตาอ้าปากได้จากการขายผลงานของตัวเองผ่านโลกออนไลน์

เมื่อเห็นประโยชน์และกระแสที่มาแรง Nino และ Jediiano ผู้คร่ำหวอดในแวดวงศิลปะหลายแขนงมานานจึงร่วมกันก่อตั้งบริษัท NFT1 ขึ้นเพื่อหวังใช้เป็นแพลตฟอร์มช่วยเหลือศิลปินที่กำลังสนใจหนทางการทำเงินใหม่ ให้ยืนหยัดได้อย่างมั่นคง และพร้อมโอบรับโลกแห่งอนาคตที่สามารถเกิดขึ้นได้อีกมหาศาล

ของเล่นใหม่ที่ปลอดภัยและสร้างกำไรสูงกว่า


คนจำนวนมากมีความเชื่อกันแบบผิดๆ ว่าการออมเงิน ฝากเงินไว้กับธนาคาร หรือลงทุนผ่านหุ้นหรือกองทุนต่างๆ จะนำมาซึ่งผลตอบแทนที่งอกเงย แต่จากประสบการณ์ตรงของ Jediiano เขารู้ซึ่งดีว่าวิธีดังกล่าวไม่ได้ให้ผลตอบแทนตามที่คุย หลังเคยลงทุนในกองทุน LTF เพื่อพบว่า เวลาผ่านไป 5 ปีกลับมีผลกำไรและดอกเบี้ยต่ำเตี้ยเรี่ยดิน

“แล้วพอผมรู้จัก คริปโตฯ ผมลองเอาเงิน 50 เปอร์เซ็นต์จาก LTF ไปลงดู ปรากฏว่าในระยะเวลาประมาณ 1-2 เดือน ได้กำไรมากกว่า 5 ปีที่ผมฝากไว้อีก”

นั่นคือก้าวแรกที่ทำให้พวกเขาเชื่อว่าระบบการเงินที่ไร้ตัวกลาง Decentralized Finance (DeFi) คือความหวังใหม่ของโลก ซึ่งไม่เพียงแค่ทำกำไรสูง แต่ปลอดภัยสูงไม่แพ้กัน และยังสามารถตรวจสอบธุรกรรมต่างๆ ได้ไม่ยาก แม้จะติดต่อผู้ดูแลไม่ง่ายเพราะความไร้ตัวกลางของมัน

เจจึงเล่าถึงประสบการณ์ตรงเรื่องการทำเงินหล่นใน DeFi หล่นหาย แต่สุดท้ายก็หาคืนกลับมาได้ในเวลาเพียงคืนเดียว

“ผมเคยทำเงินหล่น โอนผิด โน่บอกผมว่ามันไม่หายไปไหน แต่ต้องไปดูดีๆ เราก็ไปค้นจาก Transaction ดู กรณีของผมเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้น้อยมากด้วย เหมือนไปหาข้อมูลจนเจอว่ามันไปหล่นอยู่ในอีก Chain หนึ่ง จากนั้นเราก็แค่อิมพอร์ตโทเคนให้อยู่ใน Chain แล้วค่อยโอนกลับมาที่เรา ถ้าผมวางเงินหนึ่งพันบาทไว้ที่หน้าบ้าน ตอนผมประชุมอยู่อย่างนี้เงินอาจจะหายไปแล้ว” Jediiano ยอมรับ

“พอมันไร้ตัวกลาง มันก็จะมีความสับสน คนที่เขาไม่รู้ เขาก็จะกลัวว่าเงินจะหายไปไหนไหม แต่ด้วยเทคโนโลยีมันมี Smart Contracts เป็นความล้ำที่จะมาดูแลให้มันปลอดโปร่งที่สุด” Nino เสริม
โลกความเสี่ยงที่หลายคนเคยมองว่า เป็นไปไม่ได้

NFT ก็เหมือนกับคริปโตฯ อื่นๆ ที่เริ่มต้นมาหลายปีแล้ว แต่เพิ่งได้รับความนิยมช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา พอทั้ง นีโน่ และ เจ ทำความรู้จักและศึกษาความพิเศษของมันมากขึ้น ก็ยิ่งมองเห็นช่องทางที่สามารถเติบโตได้ จึงพยายามชักชวนคนอื่นให้สนใจเทคโนโลยีนี้ด้วย แต่ผลตอบรับช่วงแรกกลับไม่เป็นอย่างที่คิด

“ปีที่แล้วตอนเราโทรศัพท์ไปเล่าให้ใครฟังว่า NFT คืออะไร ก็จะโดนถามกลับมาว่า “มันจริงเหรอ” “มึงบ้าหรือเปล่า” “เพ้อเจ้อหรือเปล่า” บางคนตัดสายวางไปเลยก็มี” Jediiano
ย้อนความ

อย่างไรก็ตามพวกเขายอมรับว่า นี่คือคำถามสำคัญที่ทุกคนที่จะตั้งคำถามเสมอ ก่อนจะกล้าก้าวเท้าเข้ามาในโลกของคริปโตฯ

“เหมือนคนไปซื้อที่ดินบน Sandbox ตอนนี้ ตอนแรกๆ ก็คงไม่คิดหรอกว่ามันจะมูลค่าขนาดนี้”

แม้ผลตอบรับเบื้องต้นอาจไม่สวย แต่ความมั่นใจของพวกเขาไม่ลดลง เนื่องจากประสบการณ์และการลองผิดลองถูกจากการลงทุนบ่งบอกว่า พวกเขาเดินมาถูกทางแน่

“เงินในชีวิตผมอยู่ใน Metaverse ซะเยอะ ทำไมเราถึงมั่นใจขนาดนี้ เพราะในทุกมุมของเทคโนโลยีมันทำให้ผมมั่นใจโดยการที่ผมกล้าจะลองเสี่ยง” Jediiano
กล่าวอย่างเชื่อมั่น

ตัดภาพมายังปัจจุบัน NFT บูมมากในช่วงไม่กี่เดือนมา มีศิลปินที่เปิดเผยตัวตน และที่เป็น Anonymous เข้ามาลงทุนและขายผลงานของตัวเองแล้วไม่ต่ำกว่า 1 แสนราย!

แม้จะเริ่มเห็นหน้าใหม่มาเยอะ แต่ในมุมมองของทั้งคู่ไม่ได้อยากคิดว่าคนเหล่านี้คือ “เม่า” ดังเช่นในโลกของการลงทุนหุ้น

“ผมว่ามันคือมีพื้นที่ที่ให้คนได้ลงทุนเยอะขึ้น และมีเหตุผลในการเข้ามามากขึ้น เพื่อนผมบางคนเริ่มจากการเกม แล้วค่อยกลับมาศึกษาคริปโตฯ ก็มี หรือบางคนรู้จักจาก Metaverse ที่เฟซบุ๊กเพิ่งประกาศ พวกเขามั่นใจมากขึ้น และในอนาคตน่าจะมีอีกหลากหลายเทคโนโลยีที่เข้ามาสนับสนุนแวดวงนี้” Jediiano
ยืนยัน

NFT1 เพื่อผู้สร้างสรรค์งานศิลปะตัวเล็ก

ในฐานะโปรดิวเซอร์เพลงมากความสามารถ ผู้บริหารค่าย HYPE TRAIN และศิลปินคนหนึ่ง นีโน่ เข้าใจดีว่าทำไม NFT ถึงทวีความสำคัญในปัจจุบัน เพราะทำให้ศิลปินทั่วโลกสามารถขายงานได้ และมีรายได้ต่อเนื่อง

“เราเคยเห็นว่าคนที่ไม่เคยขายงานได้ กลับสามารถขายงานได้หลายล้านทั้งที่ในชีวิตจริงเขาขายได้แค่ไม่กี่พันบาท NFT จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการเอนเตอร์เทนเมนต์ ทั้งในโลก Metaverse และโลกแห่งความจริง และเปลี่ยนชีวิตผมด้วย”

เมื่อเห็นคนในแวดวงสนใจเยอะขึ้น นีโน่จึงตั้งเป้าว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือศิลปินเหล่านี้อย่างสุดทาง

“เพราะผมเข้าใจดีว่าอยู่ด้านล่างเป็นยังไง… ศิลปิน หรือ Creator บ้านเราค่อนข้างเจ็บปวด ทุกคนทำงานหนักมาก แต่ผลตอบแทนค่อนข้างน้อย พอมาเจอ NFT แล้วรู้สึกว่ามันปลดแอกศิลปะได้ประมาณหนึ่ง เลยตัดสินใจเปิด NFT1 และมีเป้าหมายหลักคือการช่วยคนด้านล่างให้ลืมตาอ้าปากได้”

แผนการของ Nino และ Jediiano ในการทำ NFT1 คือการพยายามรวบศิลปะหลากหลายแขนงใน NFT1 ผูกมิตรกับ Partnership มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Rarible OpenSea หรือว่า Binance ด้วยความหวังว่าจะเปิดตลาดที่ไทย เพื่อเป็นฮับประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เจนิยามว่า NFT1 เปรียบเสมือนห้างสรรพสินค้า หรืออาร์ตแกลลอรี่ แต่มาพร้อมความพิเศษตรงที่ต่อให้ศิลปินจะไม่เอาผลงานมาขาย ก็ยังได้รับผลตอบแทนในทางใดทางหนึ่งอยู่

“จริงๆ แล้วคนที่เขาซื้อหรือลงทุนกับรูปภาพ ถ้าเขาขายไม่ออกเขาก็ถือไว้เฉยๆ ยกเว้นคนที่ถือไว้เพราะชอบนะ คนที่เขาถือไว้เฉยๆ จะไม่ได้อะไรจากมันนอกจากความสวยงามหรือคุณค่าทางใจ

“ทีนี้เราเลยมาคิดกลไกเพื่อแก้ปัญหานี้ว่าหากถือไว้เฉยๆ จะได้อะไรตอบแทนบ้าง เช่น ถ้าคุณมีคอลเล็กชั่นครบ 10 คอลเล็กชั่นของ NFT1 คุณจะได้แอร์ดรอปพิเศษส่งเข้ากระเป๋า แล้วผลงาน 10 ชิ้นก็จะถูกนับเป็นแต้ม สามารถเอาไปใช้อะไรได้หลายอย่าง”

ทั้งนี้นี่เป็นเพียง 1 ใน Reward ที่ NFT1 เตรียมไว้ แต่ยังมีอะไรอีกหลายอย่างให้เล่นแร่แปรธาตุอีกนับไม่ถ้วน ซึ่งน่าจะตรงกับความต้องการ และตอบสนองศิลปินแต่ละรายได้ไม่มากก็น้อย

 

Don’t Fear of Missing Out หมั่นศึกษา อย่ากลัวตกรถ


นอกจากเป็นช่องทางเพื่อช่วยเหลือศิลปินให้เกิดรายได้ อีกสิ่งที่ 2 หัวเรือใหญ่แห่ง NFT1 ทำบ่อยๆ คือการให้ความรู้ผู้คนว่าใน NFT ไม่ได้มีแค่ศิลปะ ไม่ได้มีแค่ภาพวาด แต่มันคือการเอาวิถีชีวิตผู้คนมาทำให้เป็นรูปธรรม และมีมูลค่าที่จับต้องได้

“สิ่งที่ผมพูดอยู่นี้ก็เป็นศิลปะการพูด หรือศิลปะแม่ไม้มวยไทย สมัยก่อนเราคงเอาศิลปะการพูดไปอยู่ในหอศิลป์รวมกับรูปวาดไม่ได้ แต่ NFT มาปฏิวัติสิ่งนี้ให้ทำได้” Jediiano เผย

2 ผู้ก่อตั้ง NFT1 ยังต้องการผลักดันให้เกิด Academy ให้ความรู้เกี่ยวกับวงการคริปโตฯ หรือวงการ Fintech อย่างจริงจัง เพราะถ้าไม่มีใครให้ความรู้เกี่ยวกับแวดวงนี้เลย จะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้มากๆ โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีและความปลอดภัย

“ผมเห็นคนโดนแฮ็คพาสเวิร์ดเยอะมาก ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากให้ความรู้เหล่านี้ให้มากที่สุด” Nino ย้ำ

แต่เช่นเดียวกันการลงทุนในหุ้น กองทุน หรือเหรียญอื่นๆ NFT ก็มีความเสี่ยงไม่ต่างกัน ดังนั้นเมื่อคิดจะลงทุนแล้วก็ตามควรศึกษาให้ดีด้วย

“ก่อนจะลงทุน ต้องศึกษาให้ดีว่าโปรเจกต์นี้เจ้าของคือใคร เพราะมีทั้งโปรเจกต์ที่มีความชัดเจน แต่ก็มีโปรเจกต์ที่น่าเคลือบแคลงผสมกันไป วิธีการที่ดีที่สุดคือศึกษาจาก White Paper จะได้รู้ว่าเขาวางแผนอย่างไร แคมเปญของเขาจะเกิดขึ้นในควอเตอร์ไหนบ้าง ฯลฯ” Nino ย้ำ

สำหรับคนทั่วไปที่ยังไม่รู้จัก NFT ยังไม่สนใจที่จะเข้าสู่ตลาดคริปโตฯ Jediiano ก็แนะนำว่าควรศึกษาเอาไว้ด้วยเพราะน่าจะมีประโยชน์กว่าการไม่สนใจเลย

“จริงๆ แล้วเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้รู้จักอะไรใหม่ๆ เหมือนสมัยก่อนที่เรารู้จัก Facebook หรือ Hi5 เราแทบไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเราต้องเข้ามาโพสต์ทุกวัน ทำไมเราต้องเข้ามาทำอะไรกับสิ่งนี้ ทำไมเราต้องเข้ามา Interact กับเทคโนโลยี…

“เหมือนเราอยู่ในยุคคาวบอย ตะวันตกแดนเถื่อน แล้วอยู่ดีๆ มี ทิม คุก เดินเข้ามาบอกว่านี่คือแอปเปิ้ลนะ เฮ้ยอะไรวะเนี่ย จริงๆ แล้วมันเป็นโอกาส ถ้าใครมีโปรเจกต์ดีๆ คุณแทบจะสามารถสร้างมูลค่าได้มากขึ้นกว่าหมื่นเท่าได้ถ้าหากคุณเข้าใจ

“เทคโนโลยีมันถูกพัฒนาไปข้างหน้าเสมอ เราแค่อยากให้คุณรู้จักและศึกษามันเพราะถ้าไม่ คุณก็จะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่ถ้าใครยังไม่มั่นใจจริงๆ ก็ไม่ผิดหากยังไม่กระโดดเข้ามาในโลกนี้”  Jediiano ทิ้งท้าย
Created with