START-UP: เรียนรู้จาก ‘คุณย่า’ กับบทบาทสำคัญที่เราคาดไม่ถึง

In Summary

  • ตัวละครของ ‘คุณย่า’ คืออีกหนึ่งคนสำคัญที่หลายคนคุ้นตาในซีรีส์ START-UP คุณย่าเป็นกุญแจสำคัญในหลายๆ เรื่องและสะท้อนบทเรียนที่เราคาดไม่ถึง
  • คุณย่าคือประธานซอคนแรก เจ้าของร้านฮอตด็อกที่ถ่ายทอดดีเอ็นเอความเป็นเจ้าของกิจการจากรุ่นสู่รุ่น คุณย่าคือตัวแทนของกลุ่มคนที่โดนเทคโนโลยีทำร้าย เพื่อให้คนฉุกคิดถึงความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเกินไป
  • คุณย่าคือ Sandbox ที่พร้อมโอบอุ้มและเยียวยาตัวละครทุกตัว ดูแล รักษา ปลอบโยนให้หายเจ็บปวดและพร้อมเดินหน้าต่อไป
กลับมาอีกครั้งกับซีรีส์ที่กำลังฮอตฮิต จนต้องเปิดจอรอดูกันทุกวันเสาร์-อาทิตย์ กับ ‘START-UP’ ซีรีส์ของหนุ่มสาวคนมีฝัน อยากจะปลุกปั้นธุรกิจของตัวเอง ไม่ว่าจะทีมหัวหน้าทีมฮัน หรือทีมนัมโดซานก็ต่างลุ้นไปกับเส้นทางในครั้งนี้ของซอดัลมี ซัมซานเทค หรือแม้แต่อินแจคอมปะนีกันอย่างมาก กลิ่นอายของซีรีส์เต็มไปด้วยความสดชื่นของคนรุ่นใหม่ ฝัน และพละกำลังที่พร้อมจะสู้ไม่ถอยไม่ว่าจะเจออุปสรรคแค่ไหน

กลิ่นอายของพลังคนรุ่นใหม่ และตัวละครวัยหนุ่มสาวที่เต็มไปด้วยไฟและแพสชันทั้งเรื่อง ในบางครั้งอาจทำให้หลายคนลืมสังเกตบทบาทที่สำคัญยิ่งกว่าของ ‘คุณย่า’ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องนี้ เพราะถ้าไม่มีคุณย่า ก็คงไม่มีหัวหน้าทีมฮันจีพยองในวันนี้ ไม่มีการพบกันผ่านทางจดหมายของฮันจีพยองและซอดัลมี ไม่มีการพานัมโดซานเข้ามาในความชุลมุนนี้ และไม่มีใครที่คอยกระตุ้นให้ทุกคนสู้ต่อไป

ไปดูกันว่า 4 บทเรียนที่สะท้อนมาจากตัวละครคุณย่าที่พาเราเสียน้ำตา และยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปในเวลาเดียวกัน จะมีอะไรบ้าง
Photo From: TVN

 

คุณย่าในฐานะผู้เริ่มต้นของจิตวิญญาน ‘ผู้ประกอบการตระกูลซอ’
ภาพคุณย่ากับร้านฮอตด็อกที่เป็นที่พบกันระหว่างตัวละครหลายตัวในครั้งแรก และเป็นที่ที่กลับมาพบกันอีกครั้งของคุณยายและฮันจีพยองคือฉากที่ทุกคนต่างคุ้นตา ถึงแม้สถานที่จะเปลี่ยน คุณย่าและซอดัลมีจะย้ายเมือง ย้ายที่อยู่ แต่กิจการร้านฮ็อตดอกของคุณย่าก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม แม้จะผ่านไปกว่า 20 ปี

จิตวิญญานความเป็นผู้ประกอบการในตัวคุณย่า เรียกได้ว่าเข้มข้นที่สุดในเรื่อง และมันถ่ายทอดผ่านดีเอ็นเอ มาสู่พ่อและซอดัลมีเองด้วย จากที่เห็นกันว่า 3 คนนี้ไม่มีใครเลยที่คิดจะอยากเป็นพนักงานภายใต้การควบคุมของคนอื่นไปตลอดชีวิต

กิจการของตัวละครตระกูลซอทั้ง 3 รุ่นนี้ สะท้อนออกมาเป็นธุรกิจ 3 รูปแบบ ได้แก่

กิจการของคุณย่า ถ้าให้ว่ากันตามภาษาธุรกิจ คือกิจการแบบ Brick and Mortar ที่จัดการทุกอย่างทางกายภาพ ตั้งแต่ตั้งร้าน ผลิต จัดส่ง คุณย่าตั้งร้านเอง ทอดฮอตด็อกด้วยมือตนเอง และขายให้ถึงมือลูกค้าเอง

ในขณะที่กิจการทึ่คุณพ่อวาดฝันไว้ และใกล้จะสำเร็จในอีกก้าวเดียว เป็นกิจการรูปแบบที่วิวัฒนาการตามเทคโนโลยีขึ้นมาอีกระดับ ในรูปแบบของ Click and Mortar ดำเนินการทางออนไลน์และออฟไลน์ผสมกัน สั่งอาหารทางเว็บไซต์ออนไลน์ และจัดส่งแบบถึงมือลูกค้า

ท้ายที่สุดกิจการของซอดัลมี หรือเจ้า ‘นุนกิล’ ที่เรารู้จักกันดี คือกิจการที่ใช้เทคโนโลยีล้วนๆ แบบ Click and Click ไม่มีหน้าร้านทางกายภาพ แต่อำนวยความสะดวก คอยเป็นตาให้ทุกคนผ่านโลกดิจิทัลในแอปพลิเคชัน

แม้รูปแบบการเป็นผู้ประกอบการจะเปลี่ยนไปในแต่ละรุ่น คุณย่าอาจจะต้องการเพียงมีธุรกิจร้านค้าเล็กๆ ของตัวเอง คุณพ่อฝันใหญ่ขึ้นมาหน่อยในยุคที่อินเทอร์เน็ตเพิ่งมาถึง และเว็บไซต์กำลังอยู่ในช่วงแรกเริ่ม จนมาถึงซอดัลมี ที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปอีกหลายระดับ จนสามารถสร้างเป็น Tech-startup ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเป็นหลักได้ แต่สิ่งที่เราเห็นจากเป้าหมายของ 3 คนนี้คือ ประธานซอไม่ได้เพิ่งมามีในรุ่นที่ 3 แต่ครอบครัวนี้มีประธานซอถึงสามคน ตั้งแต่คุณย่า คุณพ่อ และซอดัลมีเอง ถ้าจะบอกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ก็คงจะไม่ผิด
Photo From: TVN

 

คุณย่าในฐานะตัวแทนของคนที่ถูกการเปลี่ยนแปลงทิ้งไว้ข้างหลัง
ในตอนที่ 11 ที่ผ่านมา มีข้อคิดหนึ่งที่ผุดขึ้นมาเตือนใจเราได้ดีมาก ในฉากที่พ่อของนัมโดซานขึ้นมาประท้วงในเดโมเดย์ หลังจากถูกเลิกจ้างเนื่องโซลูชันของอินแจคอมปะนี สิ่งหนึ่งที่สะท้อนได้ดีมาก คือคำพูดของคุณพ่อที่บอกว่า

“ถ้าโลกนี้มีแต่คนอย่างคุณและลูกชายผม โลกใบนี้คงเกิดการเปลี่ยนแปลงได้เร็วมาก แต่ถ้าเร็วเกินไปก็คงไม่ดี เพราะความเร็วนั้นจะทำให้หลายคนเจ็บปวด พวกเขาจะสูญเสียอาชีพ และมีคนที่ปรับตัวกับโลกใบใหม่ไม่ได้เพิ่มมากขึ้น”

เพราะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเป็นดาบสองคม มีทั้งคนที่ปรับตัวไหว วิ่งตามทัน และคนที่ปรับตัวไม่ไหว วิ่งตามไม่ทัน จนต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลังเสมอ เหมือนคนอย่างพ่อของนัมโดซานที่กำลังจะถูกระบบรักษาความปลอดภัยแบบดิจิทัลมาแทนที่พนักงานรักษาความปลอดภัยอย่างพวกเขา พวกเขาต้องสูญเสียอาชีพการงานเพราะสาเหตุจากเทคโนโลยีที่เราเคยมองว่ามันมีแต่จะทำให้โลกนี้ดีขึ้น

คุณย่าก็เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของกลุ่มคนที่กำลังจะถูกโลกทิ้งไว้ข้างหลัง ผู้พิการทางสายตาที่ไม่สามารถใช้ชีวิตในโลกที่สายตาสำคัญยิ่งกว่าอะไร สุนัขนำทางถึงจะพาเราข้ามถนนได้ พาเดินทางได้ แต่ก็ไม่สามารถบอกเราว่าข้างหน้านั้นคือต้นไม้ หรือเสา หรือทางเดิน ไม่สามารถอ่านใบเสร็จที่เราซื้อของมา หรือไม่สามารถบอกเราได้ว่ายาที่จะกินนั้นเป็นยาชนิดไหน

เทคโนโลยีและโลกที่ขับเคลื่อนไปทุกวันกำลังจะทิ้งคนเหล่านี้ไว้ข้างหลัง และนั่นมันผิดวัตถุประสงค์ในการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีที่ควรจะทำให้ชีวิตคนสะดวกสบาย คนบางกลุ่มสบายขึ้นก็จริง แต่มีคนบางกลุ่มที่ต้องเจ็บปวดและลำบากหนักยิ่งกว่าเก่า

ดังนั้น ‘นุนกิล’ จึงเป็นตัวอย่างของเทคโนโลยีที่หันกลับมาช่วยพยุงคนที่เดินตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ให้ค่อยๆ เดินไปพร้อมๆ กับเราได้ และนี่คือสิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้พยายามสื่อสารให้เรารู้ว่า เราไม่ควรทิ้งใครไว้ข้างหลัง และควรปรับใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์เพื่อพาพวกเขาเดินไปพร้อมกับเรา
Photo From: TVN

 

คุณย่าในฐานะ Mentor ชีวิตผู้มากประสบการณ์
หากพูดถึงเมนเทอร์ เราคงนึกถึงหัวหน้าทีมฮัน อเล็กซ์ และประธานยุน ผู้ก่อตั้ง Sandbox แต่เมนเทอร์อีกคนในเรื่องที่หลายคนอาจนึกไม่ถึงคือ ‘คุณย่า’ นั่นเอง คุณย่าไม่ใช่เมนเทอร์ที่จะคอยสอนธุรกิจ บ่มเพาะสตาร์ทอัพเหมือนหลายคนข้างต้น แต่คุณย่าคือเมนเทอร์ที่ให้บทเรียนชีวิตจริง สอนสั่งในสิ่งที่ควรคิดควรทำ และให้ข้อคิดที่ดัลมีเอง ก็มักจะโควทมาพูดอยู่หลายครั้ง

“คุณย่าบอกฉันไว้ว่าการสร้างศัตรูหนึ่งคน เหมือนการสร้างหนี้ร้อยล้าน และการสร้างมิตรหนึ่งคนเหมือนการหาเงินได้ร้อยล้าน”

นี่คือหนึ่งในข้อคิดเตือนสติที่เราได้จากคุณย่า ข้อคิดของคุณย่านั้นก็ช่วยดัลมีได้มาก เพราะพื้นฐานความคิดที่ทำให้ดัลมีเข้มแข็ง ฉลาดหลักแหลม มองโลกในแง่ดี และพร้อมสู้สุดใจก็มาจากการมีเมนเทอร์แบบคุณย่านั่นเอง

ไม่ใช่แค่ดัลมีที่ต้องมาพึ่งคุณย่า แต่จะเห็นว่าหลายครั้งที่เมนเทอร์สุดเท่ หัวหน้าทีมฮันของเราก็ซมซานกลับมาหาคุณย่า คุณย่าก็จะให้ข้อคิดดีๆ ที่แม้ความปากหนักของหัวหน้าทีมจะทำให้ทั้งคู่ต้องเถียงกันตลอด แต่ก็เป็นการเถียงที่มาจากความรักที่มีให้กัน และหัวหน้าฉันเองก็เก็บคุณย่าไว้เป็นเมนเทอร์ที่หนึ่งในใจอยู่เสมอ เรียกได้ว่าเป็นเมนเทอร์ของเมนเทอร์อีกทีเลยล่ะ

คุณย่าคือเมนเทอร์ที่คอยดูแล ตักเตือน ให้ข้อคิด เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแรงให้กับจิตใจของทั้งซอดัลมี และฮันจีพยอง เพื่อให้พวกเขามีแรงใจวิ่งตามฝันต่อไป ข้อคิดของคุณย่าแต่ละอันก็เฉียบไม่เบา จะเรียกว่าคุณย่าเป็นเมนเทอร์ชีวิตที่เก๋าเกมก็คงไม่ผิด
Photo From: TVN

 

คุณย่าในฐานะ Sandbox กระบะทรายที่รองรับความเจ็บปวดของทุกคน
ที่มาของ Sandbox คือทรายที่พ่อเทไว้ใต้ชิงช้า ไม่ให้ลูกบาดเจ็บตอนฝึกเล่นชิงช้า จนเกิดเป็น Sandbox องค์กรผู้สนับสนุนและเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพได้เข้ามาโลดแล่นลองผิดลองถูกอย่างไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะเจ็บหนัก

ในเรื่องนี้มีที่เยียวยาความเจ็บปวดทางเงินทุนให้กับเหล่าตัวละครแล้ว แต่ความเจ็บปวดทางใจ ใครจะเป็นกระบะทรายให้?

และคำตอบของเรื่องคือคุณย่านั่นเอง คุณย่าคือตัวละครที่มีความเป็น Sandbox มากที่สุด คุณย่าเป็นที่พึ่งทางใจให้ทุกคนตั้งแต่ตอนแรกของซีรีส์จนถึงตอนนี้ ตั้งแต่ความพยายามอย่างหนักที่จะหาทางปลอบใจซอดัลมีหลังจากที่พี่สาวทิ้งไป ความอบอุ่นที่มีให้หัวหน้าทีมฮันตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน หาที่หลับที่นอน และคอยยื่นร่มให้ในวันที่ฝนตก  เหมือนปู่ย่าที่คอยเป็นที่พึ่งให้ลูกหลานเสมอ ยังจำฉากสุดซึ้งที่คุณย่าหอบเงินก้อนใหญ่ไปให้คุณพ่อของซอดัลมีในวันที่เขาลำบากที่สุดได้มั้ย? หรือแม้แต่แม่ของซอดัลมีเอง ที่สุดท้ายแล้วก็ซมซานกลับมาให้คุณย่าดูแล นี่แหละคือกระบะทรายที่เตรียมพร้อมโอบอุ้มและพยายามบรรเทาความเจ็บปวดของทุกคนรอบตัวให้ได้มากที่สุด

เหมือนที่คุณย่าบอกหัวหน้าทีมฮัน เจ้าหนุ่มน้อยของเธอไว้ในตอนแรก

“ถ้าทำสำเร็จ อย่าโทรหาฉัน ถ้ารวยหรือแต่งงานก็อย่าโทรมา ถ้าชีวิตดี อย่าได้โทรมา เพราะฉันไม่อยากรู้สึกอิจฉา แต่ว่าค่อยโทรหาฉันเมื่อเธอลำบาก เหมือนวันนั้นที่ฝนตก ถ้าไม่มีที่ไป ก็ให้มาหาฉัน อย่ามัวยืนตากฝน แค่มาหาฉัน”

และคุณย่านี่เองที่เป็น Sandbox ทุกคนในซีรีส์ START-UP
Created with