ถอดรหัส ปรากฏการณ์ยานแม่ SCBX
Business Model ของธุรกิจใหญ่อย่าง SCB ที่ต้องการเติบโตระดับ 10X จนต้องตั้งยานแม่ในชื่อ SCBX เขาต้องมีอะไรบ้าง ในบทความนี้ SHiFT Your Future จะช่วยให้เข้าใจเบื้องหลังของวิธีคิดแบบโตสิบเท่า
การเติบโตของธุรกิจ เมื่อเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว โตในระดับเปอร์เซ็นต์เลขหลักเดียว หรือมากสุดหลักสิบกว่า ไม่มีทางเลยที่จะเพิ่มการเติบโตให้มากกว่านี้ได้ ถ้าไม่มี Growth Engine ตัวใหม่ๆ มาช่วยดึงขึ้นไป
การเปลี่ยนแปลง จึงไม่ใช่ระดับ Business Unit แต่ต้องเป็นระดับโครงสร้าง (Structure), ปรับ Mindset ของทีมงาน และ กลยุทธ์ ซึ่งเรื่องแบบนี้มันมีการตัดสินใจสำคัญๆ อยู่มากมาย
องค์กรใหญ่ๆ ไม่สามารถตัดสินใจแบบชั่วข้ามคืนแล้วทำได้ แต่ต้องลงทุน ลงแรง ลงสมอง อีกเยอะมากๆ
การเติบโตของธุรกิจ เมื่อเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว โตในระดับเปอร์เซ็นต์เลขหลักเดียว หรือมากสุดหลักสิบกว่า ไม่มีทางเลยที่จะเพิ่มการเติบโตให้มากกว่านี้ได้ ถ้าไม่มี Growth Engine ตัวใหม่ๆ มาช่วยดึงขึ้นไป
การเปลี่ยนแปลง จึงไม่ใช่ระดับ Business Unit แต่ต้องเป็นระดับโครงสร้าง (Structure), ปรับ Mindset ของทีมงาน และ กลยุทธ์ ซึ่งเรื่องแบบนี้มันมีการตัดสินใจสำคัญๆ อยู่มากมาย
องค์กรใหญ่ๆ ไม่สามารถตัดสินใจแบบชั่วข้ามคืนแล้วทำได้ แต่ต้องลงทุน ลงแรง ลงสมอง อีกเยอะมากๆ
การเติบโตระดับ 10X จะต้องมีองค์ประกอบหลัก คือ
1.ต้องมีธุรกิจเทคโนโลยีที่สามารถโตได้แบบก้าวกระโดด (Exponential Growth) อยู่ในมือ เช่น AI, Data จะลงทุน จับมือสร้างร่วมกับพาร์ทเนอร์ก็ได้ เพราะดีกว่าเสียเวลาสร้างเอง และอาจจะทำได้ไม่ดี หรือไม่เกิดเลย
2.ต้องมีหลายๆ ธุรกิจเทคโนโลยีมารวมกัน (Multiple Exponential Growth) และต้องสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจโดยรวม โตแบบก้าวกระโดด ต้องคิดแบบเลขยกกำลัง ไม่ใช่ในรูปแบบ 1+1 = 2 อย่างที่ Traditional Business ทำ เวลาควบรวมกิจการ (M&A) กับธุรกิจอื่นๆ แล้วเป็นแค่รวมกำไรขาดทุน (P&L) หรือฐานลูกค้าเข้าด้วยกัน
3.ต้องแก้ปัญหาสำหรับกลุ่มคนขนาดใหญ่มากๆ มากกว่าแค่ในประเทศ แต่จะต้องไประดับภูมิภาค ทวีป หรือระดับโลก
4.ถ้ามี Product & Service ที่เป็นดิจิทัล จะได้เปรียบเพราะมีตัวคูณการเติบโต สามารถสเกลได้ง่าย อะไรที่เป็น Physical แบบมีตัวตน สัมผัสได้ จะยากในการสเกลและการกระจายของให้ถึงคน
5.การสร้างผลผลิตต้องมาจากระบบอัตโนมัติ มีเทคโนโลยีมาช่วย ไม่ใช่การจ้างแรงงานคนเข้ามาเยอะๆ (โต 10 เท่า แบบไม่ต้องจ้างคนเพิ่ม 10 เท่า)
6.มี Community ที่แข็งแรงคอยสนับสนุนสินค้าและบริการ หรือมีสาวก แบบ Google, Apple
ตัวอย่างธุรกิจที่เข้าข่ายเติบโตแบบ 10X เช่น
Alphabet ที่เป็นยานแม่ของ Google (ชื่อเดิมคือ Google X) ที่สร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาระดับโลกหลายอย่าง
โดยสิ่งที่ X ทำ คือ
-Waymo (Self-driving car)
-Loon บอลลูนที่ปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ต (ปัจจุบันปิดตัวไปแล้ว)
-Wing โดรนที่บินส่งของได้ แบบ Amazon Prime Air
-Google Glass อันโด่งดัง ก็สร้างโดย X เช่นกัน
และ Alphabet ยังมี GV (Google Ventures) ที่เป็นบริษัทที่ลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีกว่า 300 บริษัท (IPO ไปแล้ว 20 กว่าบริษัท และ ควบรวมกิจการ (M&A) อีกหลักร้อย)
ซึ่งเป้าหมายของ GV ไม่ได้ลงทุนเพราะหวังสร้างรายได้เป็นหลัก แต่เป็นการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อเอาความรู้ ความเชี่ยวชาญจากทั่วโลก มาเพิ่มให้กับตัวเอง และเอาความเก่งของตัวเอง ไปเสริมให้กับบริษัทที่ไปลงทุนด้วย
ธุรกิจใหญ่ๆ ถ้าจะโตด้วยความคิดและการกระทำแบบเดิม จะไม่มีทางได้ผลลัพธ์ใหม่ๆ ถ้ามีอะไรที่เติบโต แต่อยู่ในโครงสร้างเดิม การเติบโตก็จะถูกจำกัด
ซึ่งการตัดสินใจในระดับบอร์ดบริหาร จะต้องพร้อมและยอมเสี่ยงเจ็บตัว (เพราะการเติบโตมักจะแลกมาด้วยกำไรและความเสี่ยงกับอนาคตที่ไม่แน่นอน) และต้องให้เรื่องโตมีความสำคัญสูงสุด ก่อนจะเก็บเกี่ยวกำไรภายหลัง
1.ต้องมีธุรกิจเทคโนโลยีที่สามารถโตได้แบบก้าวกระโดด (Exponential Growth) อยู่ในมือ เช่น AI, Data จะลงทุน จับมือสร้างร่วมกับพาร์ทเนอร์ก็ได้ เพราะดีกว่าเสียเวลาสร้างเอง และอาจจะทำได้ไม่ดี หรือไม่เกิดเลย
2.ต้องมีหลายๆ ธุรกิจเทคโนโลยีมารวมกัน (Multiple Exponential Growth) และต้องสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจโดยรวม โตแบบก้าวกระโดด ต้องคิดแบบเลขยกกำลัง ไม่ใช่ในรูปแบบ 1+1 = 2 อย่างที่ Traditional Business ทำ เวลาควบรวมกิจการ (M&A) กับธุรกิจอื่นๆ แล้วเป็นแค่รวมกำไรขาดทุน (P&L) หรือฐานลูกค้าเข้าด้วยกัน
3.ต้องแก้ปัญหาสำหรับกลุ่มคนขนาดใหญ่มากๆ มากกว่าแค่ในประเทศ แต่จะต้องไประดับภูมิภาค ทวีป หรือระดับโลก
4.ถ้ามี Product & Service ที่เป็นดิจิทัล จะได้เปรียบเพราะมีตัวคูณการเติบโต สามารถสเกลได้ง่าย อะไรที่เป็น Physical แบบมีตัวตน สัมผัสได้ จะยากในการสเกลและการกระจายของให้ถึงคน
5.การสร้างผลผลิตต้องมาจากระบบอัตโนมัติ มีเทคโนโลยีมาช่วย ไม่ใช่การจ้างแรงงานคนเข้ามาเยอะๆ (โต 10 เท่า แบบไม่ต้องจ้างคนเพิ่ม 10 เท่า)
6.มี Community ที่แข็งแรงคอยสนับสนุนสินค้าและบริการ หรือมีสาวก แบบ Google, Apple
ตัวอย่างธุรกิจที่เข้าข่ายเติบโตแบบ 10X เช่น
Alphabet ที่เป็นยานแม่ของ Google (ชื่อเดิมคือ Google X) ที่สร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาระดับโลกหลายอย่าง
โดยสิ่งที่ X ทำ คือ
-Waymo (Self-driving car)
-Loon บอลลูนที่ปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ต (ปัจจุบันปิดตัวไปแล้ว)
-Wing โดรนที่บินส่งของได้ แบบ Amazon Prime Air
-Google Glass อันโด่งดัง ก็สร้างโดย X เช่นกัน
และ Alphabet ยังมี GV (Google Ventures) ที่เป็นบริษัทที่ลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีกว่า 300 บริษัท (IPO ไปแล้ว 20 กว่าบริษัท และ ควบรวมกิจการ (M&A) อีกหลักร้อย)
ซึ่งเป้าหมายของ GV ไม่ได้ลงทุนเพราะหวังสร้างรายได้เป็นหลัก แต่เป็นการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อเอาความรู้ ความเชี่ยวชาญจากทั่วโลก มาเพิ่มให้กับตัวเอง และเอาความเก่งของตัวเอง ไปเสริมให้กับบริษัทที่ไปลงทุนด้วย
ธุรกิจใหญ่ๆ ถ้าจะโตด้วยความคิดและการกระทำแบบเดิม จะไม่มีทางได้ผลลัพธ์ใหม่ๆ ถ้ามีอะไรที่เติบโต แต่อยู่ในโครงสร้างเดิม การเติบโตก็จะถูกจำกัด
ซึ่งการตัดสินใจในระดับบอร์ดบริหาร จะต้องพร้อมและยอมเสี่ยงเจ็บตัว (เพราะการเติบโตมักจะแลกมาด้วยกำไรและความเสี่ยงกับอนาคตที่ไม่แน่นอน) และต้องให้เรื่องโตมีความสำคัญสูงสุด ก่อนจะเก็บเกี่ยวกำไรภายหลัง
ความยากของการเติบโตแบบ 10X คือ การทำให้มันเกิดขึ้นจริง
สิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดขึ้นจริงได้ คือ ต้องมี A-Team มาทำงานด้วย ต้องหา Business Model ที่ใช่ และสามารถทำซ้ำและสเกลได้ (Repeat & Scale)
จะต้องมีการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี การมีระบบบริหารจัดการที่คล่องตัว การทำให้ลูกค้าพอใจมากๆ ในระดับที่แปลงเป็นสาวกได้
การแสวงหาการเติบโต ชีวิตจะอยู่กับการทดลองต่างๆ มากมาย เพื่อลองผิดลองถูก แม้ว่าจะตัดสินใจผิดพลาดได้ แต่ต้องตัดสินใจให้ถูกในจังหวะที่ไม่ควรผิดพลาด และต้องมีผู้บริหารแถว 2 (2nd Level Management) ที่เก่งมากๆ เพื่อไม่ให้เกิดคอขวด
อีกทั้งยังต้องอุทิศตัวเองทั้งพลังชีวิตและเวลา เพราะบริหารบริษัทที่ต้องวิ่ง ไม่เหมือนกับบริษัทที่กำลังเดิน หรืออยู่กับที่
เป็นสิ่งที่ท้าทายมากๆ ของ SCBX และบริษัทอื่นๆ ที่จะนำโมเดลนี้ไปเป็นแบบอย่าง
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
-“Tim Cook” 10 ปีแห่งความสำเร็จ กับบทเรียนด้านผู้นำที่ควรศึกษา
-7 ทักษะสำคัญต้องมี เพื่อก้าวสู่การเป็น “ผู้นำ” ที่ดี
สิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดขึ้นจริงได้ คือ ต้องมี A-Team มาทำงานด้วย ต้องหา Business Model ที่ใช่ และสามารถทำซ้ำและสเกลได้ (Repeat & Scale)
จะต้องมีการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี การมีระบบบริหารจัดการที่คล่องตัว การทำให้ลูกค้าพอใจมากๆ ในระดับที่แปลงเป็นสาวกได้
การแสวงหาการเติบโต ชีวิตจะอยู่กับการทดลองต่างๆ มากมาย เพื่อลองผิดลองถูก แม้ว่าจะตัดสินใจผิดพลาดได้ แต่ต้องตัดสินใจให้ถูกในจังหวะที่ไม่ควรผิดพลาด และต้องมีผู้บริหารแถว 2 (2nd Level Management) ที่เก่งมากๆ เพื่อไม่ให้เกิดคอขวด
อีกทั้งยังต้องอุทิศตัวเองทั้งพลังชีวิตและเวลา เพราะบริหารบริษัทที่ต้องวิ่ง ไม่เหมือนกับบริษัทที่กำลังเดิน หรืออยู่กับที่
เป็นสิ่งที่ท้าทายมากๆ ของ SCBX และบริษัทอื่นๆ ที่จะนำโมเดลนี้ไปเป็นแบบอย่าง
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
-“Tim Cook” 10 ปีแห่งความสำเร็จ กับบทเรียนด้านผู้นำที่ควรศึกษา
-7 ทักษะสำคัญต้องมี เพื่อก้าวสู่การเป็น “ผู้นำ” ที่ดี
อัปเดตคอร์สใหม่และส่วนลดคอร์สต่างๆ
Thank you!
Policy Pages
Copyright © 2022
รับสิทธิพิเศษก่อนใคร แอดไลน์ @shiftyourfuture